IMDB : tt0098691
คะแนน : 8
จอนวู ไม่ได้กลับกำกับในหนังภาคนี้ แต่เปลี่ยนเป็น ฉีเคอะ ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างในหนัง 2 ภาคแรก โดดมากำกับเอง เนื่องจากในช่วงถ่ายทำ A better tomorrow 2 จอนวู กับ ฉีเคอะมีปัญหาเนื่องจากวิสัยทัศน์ไม่ค่อยตรงกันนัก จอนวู จึงตัดสินใจเอาบทดั้งเดิมที่จะเขียนไว้ใช้ในหนังภาคนี้ไปทำหนังของตัวเองในเรื่อง กอดคอกันไว้อย่าให้ใครเจาะกะโหลกในปี 1990
จะพูดว่าเป็นหนังภาคต่อก็ไม่เชิงเพราะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ 2 ภาคแรกนั่นก็คือ โจเหวินฟะ กับ แวนตากันแดดที่เป็น Signaure ในหนังชุดนี้ แต่เนื้อเรื่องไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
เมื่อไร้เงา จอนวู ฉากแอ็คชั่นก็ดูจืดชืดไปถนัดตา ถึงแม้ว่าสถานการ์ณในช่วงแอ็คชั่นจะดูยิ่งใหญ่ระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันขนาดไหน แต่สิ่งที่ขาดไปคือการดีไซน์ฉากแอ็คชั่นเท่ๆ การควงปืนบาเรตต้ากราดยิงใส่ผู้ร้ายของโจเหวินฟะที่ดูแล้วสะใจแทบไม่มีเลย สิ่งที่เห็นเพียงแค่ตัวละครยิงกันไปมาประกอบ Slow motion เท่านั้น
ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่ดีในฉากแอ็คชั่นก็คงเป็น เหมยเยิ่นฟางในบทของ จ้าว อิงกิต ที่ฉากแอ็คชั่นของเธอถูกดีไซน์มาให้ดูเฉียบบวกกับการแสดงที่คมเวลายิงปืนเลยดูเท่กว่าตัวละครตัวอื่นรวมถึงโจเหวินฟะด้วยซ้ำ
แอบเสียดายกับการเล่าเรื่อง โดยหนังเล่า 2 ประเด็นคือเรื่องของความรักสามเศร้า กับ เรื่องของครอบครัวพระเอกที่ต้องผ่านเรื่องราวมากมายเพื่อที่จะได้กลับมาฮ่องกง
ซึ่งประเด็นครอบครัวทำได้ดีมากโดยเฉพาะการแสดงของ Kein Shih ที่รับบทเป็นพ่อของอาหมัน แสดงออกมาได้น่าเห็นใจ และบิวท์ให้ผมคอยเอาใจช่วยในชะตากรรมของครอบครัวนี้อยู่ตลอดเวลา
Part ของรักสามเศร้าหนังเล่าได้ไม่มีน้ำหนัก ผมไม่เชื่อเรื่องความรู้สึกของทั้งสามคนนี้ว่าทำไมถึงแอบหลงรักกันได้ และเล่าได้เบาบางมากจึงทำให้ไม่อินในการตัดสินใจในการกระทำบางอย่างของตัวละคร
ถ้าหากหนังเล่าประเด็นเรื่องครอบครัวนำไปเลยแล้วเอาเรื่องความรักมาเป็นประเด็นรอง อาจทำให้หนังดีกว่านี้
โดยรวม A bettter tomorrow 3 ไม่ได้มีกลิ่นอายเหมือนกับ 2 ภาคแรก ส่วนที่ดีคือ เหมยเยิ่นฟาง ที่โดดเด่น และประเด็นการสู้ชีวิตของครอบครัวที่สามารถพาเราดูหนังไปจนจบได้