ค้นหาหนัง

A Few Good Men | เทพบุตรเกียรติยศ

A Few Good Men | เทพบุตรเกียรติยศ
เรื่องย่อ : A Few Good Men | เทพบุตรเกียรติยศ

พูดถึงเหตุการณ์ในกองทัพนาวิกโยธิน เมื่อพลทหารวิลเลี่ยม ซานดิอาโก เกิดเสียชีวิตในฐานทัพจากการถูกพลทหารอีกสองคนคือสิบตรีแฮร์โรลด์ ดอว์สัน และพลทหารเลาว์เดน ดาวนีย์ ทำการ “ซ่อม” รุ่นน้องคนนี้ ด้วยการเข้าไปมัดมือมัดเท้าซานดิอาโก เอาเศษผ้ายัดใส่ปากเขาและเสียชีวิตหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น จากการชันสูตรศพพบว่าเขาถูกวางยาพิษที่ผ้ายัดปาก เบื้องลึกเบื้องหลังคือพลทหารซานดิอาโกดันไปรู้เรื่องที่สิบตรีดอว์สันยิงปืนข้ามแนวรั้วเข้าไปในเขตคิวบาและซานดิอาโกขู่ว่าจะเปิดโปง (สถานการณ์การรุกรานเขตแดนเป็นปัญหาร้ายแรงในขณะนั้น) จึงนำไปสู่การลงโทษทางวินัยแบบลับๆ ที่ไม่มีอยู่ในระเบียบของกองทัพ (ก็เหมือนการซ่อมน้องใหม่นั่นแหละ) โดยเรียกกันว่า Code Red หรือรหัสแดง ทีนี้ประเด็นอยู่ที่ว่าสิบตรีดอว์สันและพลทหารดาวนีย์ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมไปโดยปริยาย ทว่าทั้งสองยืนกรานว่า “พวกเขาทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา” พวกเขาจึงไม่ควรจะผิด ทีนี้ใครล่ะที่ออกคำสั่งรหัสแดง? ร้อนไปถึงร้อยโทแดเนียล แคฟฟี่ (ทอม ครูซ) ทนายความหนุ่มของกองทัพที่ดูไม่เอาไหน ต้องเข้ามาว่าความเรื่องนี้เป็นคดีแรกด้วยการพยายามสืบสวนหาความจริงว่า “ใครเป็นผู้บงการ” โดยมีนาวาโทโจแอนน์ กัลลาเวย์ (เดมี่ มัวร์) เข้ามาช่วยเหลือ ความยากก็คือแคฟฟี่ที่ดูไร้แต้มบุญและอำนาจต่อรองใดๆ ต้องเข้าไปสืบหาความจริงที่ “โยงใยเข้าไปถึงทหารชั้นผู้ใหญ่” ซึ่งยากที่จะสู้รบตบมือและอาจนำความซวยมาสู่ตัวเขาเองได้ง่ายมาก

IMDB : tt0104257

คะแนน : 10



ถ้าอยากดูหนังขึ้นโรงขึ้นศาลที่น่าติดตามจัดๆ เข้มข้นสุดๆ และรวมดาราแบบเทพๆ ล่ะก็ A Few Good Men จัดว่าตอบโจทย์ได้อย่างดีเลยครับ

โดยเฉลี่ยผมน่าจะดูเรื่องนี้ทุกๆ 4 เดือน ตั้งแต่ได้ดูรอบแรกเมื่อ 17 ปีก่อน ถ้าคำนวณขำๆ ผมก็น่าจะดูมันประมาณ 50 รอบเห็นจะได้ ^_^ (ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมระหว่างพิมพ์อยู่นี่ ผมถึงนึกบทพูดของหนังได้แทบจะเป๊ะทุกฉาก)

หนังเจ๋งมากๆ ครับ ว่าด้วยการสู้ความกันในศาล เมื่อ 2 นาวิกโยธินประจำฐานกัวตานาโม (ชายแดนคิวบา) ถูกจับด้วยข้อหาฆาตกรรมเพื่อนนาวิกโยธินด้วยกัน

จริงๆ คดีนี้น่าจะปิดง่ายๆ ว่า 2 คนบันดาลโทสะเลยลงมือฆ่าคน แต่พอดีนาวาตรีโจแอน กัลโลเวย์ (Demi Moore) สงสัยว่า 2 นาวิกโยธินไม่ได้ลงมือฆ่าโดยเจตนา แต่โดนผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำ คดีเลยถูกโยกมาขึ้นศาลใหญ่

จากนั้นเบื้องบนก็ตั้งให้เรือโทแดเนียล แคฟฟี่ย์ (Tom Cruise) เป็นทนายแก้ต่างให้ 2 นาวิกฯ ซึ่งโดยปกติวิสัยแล้ว แคฟฟี่ย์ชอบยอมความเป็นหลัก (เพราะไม่อยากเสี่ยงไปแพ้ในศาล เลยขอรอมชอมมันนอกศาล รักษาสถิติ “ไม่เคยแพ้” เอาไว้ดีกว่า)

จากจุดนี้กัลโลเวย์ก็ดูออกครับว่าเบื้องบนไม่อยากให้คดีนี้กลายเป็นจุดสนใจ แต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะสืบหาความจริง เพราะหาก 2 นาวิกฯ ทำผิดจริงก็ควรได้รับโทษ แต่หากเรื่องนี้มีนายทหารระดับสูงอยู่เบื้องหลัง คนเหล่านั้นก็ควรได้รับโทษตามกฎหมายด้วยเช่นกัน

ความสนุกของหนังนั้นมีอุดมครับ เริ่มจากดาราที่คัดมาดี Cruise ในบททนายทหารที่ไม่ค่อยจริงจังกับอะไร แต่ด้วยคดีนี้ (และจากการกระตุ้นของกัลโลเวย์) ทำให้เขาเริ่มอยากจะว่าความให้เป็นเรื่องเป็นราวกับเขาสักครั้ง, Moore ก็ลื่นไปกับบทสาวเก่งที่บางครั้งก็โผงผางบ้าง หากคิดว่าตนเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง, Kevin Pollak เป็น แซม เพื่อนและทนายร่วมของแคฟฟี่ย์ที่คอยช่วยเพื่อนเก็บตกประเด็นในคดีนี้, Kevin Bacon เป็นทนายฝ่ายตรงข้ามของแคฟฟี่ย์, Kiefer Sutherland เป็นหัวหน้าของ 2 นาวิกฯ ที่เคารพผู้บังคับบัญชายิ่งกว่าพระเจ้า

และรายที่สุดยอดที่สุดก็คือ Jack Nicholson ในบทผู้การนาธาน เจสเซป ผู้บังคับบัญชาใหญ่ของหน่วยนาวิกที่ฐานกัวตานาโม ที่แน่นทั้งบารมีและพลังการแสดง โดยเฉพาะฉากในศาลตอนไคลแม็กซ์ที่สุดแสนจะเข้มข้น

ดาราแน่นครับ บทก็เข้มน่าติดตาม โดยหนังสร้างจากบทละครเวทีของ Aaron Sorkin ที่ได้ไอเดียมาจากพี่สาวซึ่งเคยประสบเหตุคล้ายๆ กับในหนัง (หากแต่ในเรื่องจริงแล้ว เหยื่อไม่ตาย แค่เพียงบาดเจ็บสาหัส) โดย Sorkin ดัดแปลงบทละครเป็นภาพยนตร์ด้วยตนเองครับ ซึ่งเขาก็สามารถดัดแปลงได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ตัวหนังดูสนุกทั้งในแง่หนังสืบสวน+ว่าความโต้กันในศาล+ดราม่าสะท้อนกฎหมายและระบบในรั้วของหน่วยทหาร

Rob Reiner (Stand by Me, When Harry Met Sally… และ Misery) ที่รับหน้าที่กำกับก็คุมหนังได้อย่างน่าปรบมือครับ เข้มข้น ดูสนุก ตื่นเต้น ลื่นไหล มีการแทรกอารมณ์ขันและอารมณ์โรแมนติกเล็กๆ ระหว่างพระ-นางลงไปอย่างพอเหมาะ (ว่ากันว่าจริงๆ แล้วหนังมีบทว่าด้วยฉากเลิฟซีนของพระ-นาง แต่ในที่สุดทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันว่ามันไม่เข้ากับหนังโดยสิ้นเชิง เลยตัดฉากที่ว่านี้ออกไปจากบท)

ความเจ๋งยังไม่หมดครับ ด้านดนตรีก็ลงตัวมากๆ ด้วยฝีมือของ Marc Shaiman ที่ฉากไหนมาให้โทนลึกลับ ดนตรีก็มาในอารมณ์ชวนสงสัย หรือฉากไหนว่าด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของเหล่าคนที่มีดาวบนบ่า ท่วงทำนองก็สะท้อนให้รู้สึกถึงความรับผิดชอบได้อย่างดีทีเดียว

++++++++++++++++++++

ในแง่ของเนื้อหา หนังก็สะท้อนเรื่องงานบังคับบัญชาดูแลผู้คนได้อย่างน่าสนใจครับ

+ ไม่ว่าจะในมุมของผู้บังคับบัญชา ที่ต้องมีวุฒิภาวะเพียงพอในการออกคำสั่ง ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการออกคำสั่งโดยไม่ฟังคำทัดทานจากผู้ใด หรือเอาความเห็นตนเองเป็นใหญ่โดยคิดว่ามันถูกต้องที่สุด

และผู้นำยิ่งทำแบบนี้มากเท่าไรก็จะเคยชินกับการใช้อำนาจไร้ขอบเขตของตนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบางครั้งต่อให้ทำผิดไป ก็ไม่คิดว่าตนทำผิดตรงไหน (เพราะเขาอยู่ในโลกแห่งความคิดของตนแบบเข้มข้นไปแล้วนั่นเอง)

+ ในมุมของผู้ใต้บังคับบัญชา แม้โดยหลักแล้วจะต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ระบบมีระเบียบ เพื่อให้ภายในองค์กรมีทิศทางตรงกัน แต่กระนั้นหากมีคำสั่งใดที่โหดร้าย รุนแรง หรือทำไปแล้วจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี ก็ควรส่งเสียงทัดทานผู้บังคับบัญชา

การทัดทานที่ว่านี้ไม่ใช่เพื่อหักหน้าหรือจับผิด แต่เพื่อช่วยกลั่นกรอง ไม่ปล่อยให้เจ้านายทำผิดพลาด ไม่ปล่อยให้ตนเองตกเป็นเครื่องมือแห่งอำนาจ และไม่ปล่อยให้คนบางคนต้องมาซวย รับผลร้ายจากคำสั่งนั้นๆ

หากใครชอบหนังลักษณะนี้ ก็มีเรื่อง Crimson Tide ที่กล่าวถึงประเด็นทำนองนี้ไว้ ตัวหนังก็สนุกเข้มข้นเช่นกัน

สำหรับผมแล้ว หนังเรื่องนี้จัดว่าสุดยอดครับ ทำได้ดีมากในทุกด้าน องค์ประกอบคุณภาพต่างๆ ช่วยส่งให้หนังเรื่องนี้ออกมาเยี่ยมเท่าที่มันจะเป็นได้

อีกหนึ่งหนังดีที่อยากให้ลองกันสักครั้งครับ