ค้นหาหนัง

Anger Management

Anger Management
เรื่องย่อ : Anger Management

Dave Buznik นักธุรกิจขี้อายที่มีมารยาทอ่อนโยน ทำงานให้กับบริษัทเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงในนิวยอร์กซิตี้ เขามีเจ้านายที่ดื้อรั้นชื่อคุณแฟรงค์เฮดซึ่งมักจะให้เครดิตกับงานของเขาและเหยียบย่ำเขาเป็นการตอบแทน เขามีแฟนสาวที่น่ารัก ลินดา ซึ่งเพื่อนสนิทของเธอคือแอนดรูว์ แต่เมื่อความเข้าใจผิดบนเครื่องบินยุ่งเหยิง Dave ได้รับคำสั่งจากศาลให้เข้ารับการบำบัดด้วยการจัดการความโกรธด้วยน้ำมือของผู้เชี่ยวชาญ ดร. บัดดี้ ไรเดลล์ ซึ่งเป็นตัวละครโรคจิตที่คาดเดาไม่ได้ เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเดฟกับบัดดี้เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เมื่อการรักษานอกรีตทำลายชีวิตของเดฟ และบัดดี้อาจเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเขาให้รอดจากปัญหาที่เขารับรู้ได้ทันทีในผู้ป่วยของเขา สิ่งนั้นก็ยิ่งแย่ลงไปอีก

IMDB : tt0305224

คะแนน : 6



ไม่รู้ใครช่างคิดจังเลยครับ จับเอาพี่ Adam Sandler มาชนกับลุง Jack Nicholson ได้ ก็เป็นที่รู้กันครับว่าสองคนนี้แต่ละรายก็มีลูกบ้าอยู่เต็มไปหมด มาขึ้นจอพร้อมกันล่ะไม่ให้โหดมันส์ฮาได้ไงล่ะครับ

เดวิด บัซนิก (Sandler) ดีไซเนอร์ (ชุดสำหรับแมวนะครับ) ซึ่งมีความเก็บกดในชีวิตในระดับสูง เกิดต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์บ้าบออย่างไม่น่าเชื่อบนเครื่องบิน อันเป็นเหตุให้เขาถูกศาลสั่งเข้าคอร์สบำบัดความโกรธ โดยมีคุณหมอบัดดี้ ไรเดล (Nicholson) เป็นผู้ทำการบำบัดที่ทำท่าจะบ้าหนักกว่าคนไข้ซะอีก

นอกจากเดวิดต้องพยายามระงับโทสะที่อยู่ภายในแล้ว เขายังต้องพยายามถนอมความรักระหว่างเขากับแฟนสาว (Marisa Tomei) ให้จนได้อีกด้วย

ฮาครับ หนังฮาอย่างยิ่ง บ้ากันสุดขั้วไปเลย ความดีความชอบต้องยกให้สองดารานำครับ เพราะทั้งคู่บ้ากันทั้งเรื่อง คุมหนังอยู่หมัด แต่ว่าตามจริงผมว่างวดนี้รัศมีของลุง Jack แกข่มพี่ Adam อยู่ไม่น้อยนะ ไม่รู้สิครับ พอดูหนังจบออกมาผมยังจดจำลีลาบ้าๆ ของลุง Jack ได้มากกว่า ทั้งเก๋า ทั้งเหนือชั้น แค่สีหน้าแววตานี่ก็สุดยอดแล้ว เด่นทั้งเรื่องอ้ะครับ ผมบอกได้เลยในขณะที่บทของพี่ Adam ในเรื่องนี้นับว่า เป็นผู้เป็นคนมากที่สุดแล้วนะครับ ไม่เหมือนเรื่องก่อนๆ ที่ดูต๊องๆ เป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก ซึ่งสำหรับคนที่รักมุขตลกสไตล์พี่ท่านอาจจะผิดหวังนะ เพราะในหนังเรื่องนี้แกค่อนข้างปกติครับ ไอ้ฉากประเภทอยู่ดีๆ ก็ตะคอกอาละวาดน่ะไม่ค่อยมี ตอนแรกผมก็งงอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน ว่าทำไมพี่เค้าถึงไม่อาละวาดเท่าไหร่ พอมาช่วงท้ายก็ถึงพอเข้าใจล่ะครับว่าทำไม

สำหรับดาราท่านอ่นก็มาเสริมได้ดีครับ ไม่ว่าจะ Luis Guzmán หรือ John Turturro แต่รายที่คาดไม่ถึงนี่ต้องยกให้พี่ Woody Harrelson ไม่ทราบว่ามาในสภาพนั้นได้อย่างไร แค่เห็นครั้งแรกแล้วก็สงสัยว่าใครครับ และพอจำหน้าได้นี่ผมก็ฮาโดยไม่ต้องยิงมุขแล้วล่ะ

อืมม์ โดยรวมๆ ผมว่าผู้กำกับ Peter Segal (Naked Gun 33 1/3: The Final Insult, The Nutty Professor II: The Klumps) ไม่ต้องออกแรงเท่าไหร่ ปล่อยให้ดาราจัดการกันเองได้เลย เขาถนัดทำหนังตลกครับ ผลงานที่ผ่านมาก็หนังฮาทั้งนั้น ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่จุดสำคัญอยู่ที่ดาราน่ะครับ ถ้ามีฝีมือก็สบาย แต่ถ้าเรื่องไหนดาราบ้าไม่พอล่ะก็จะออกมาแบบธรรมดาครับ (อย่าง My Fellow Americans) แต่ที่น่าชมก็มีนะครับ อย่างฉากที่ร้องเพลง I Fell Pretty ที่สามารถเรียกเสียงฮาได้อย่างไม่น่าเชื่อ อันนี้ต้องชมผู้กำกับครับ ถ้าคุมไม่อยู่นี่มันจะออกมามั่วและเฝื่อนไปเลย แต่นี่ออกมาดีและฮาจริงๆ

โดยรวมๆ หนังมันออกจะดูเว่อร์ไปหน่อย ก็เอาน่ะครับ หนังฮานี่ความจริงหนังสามารถออกมากินใจกว่านี้มาก แต่นั่นคงไม่ใช่เจตนาของผู้สร้างอย่างแน่นอน มันเลยออกมาเอาฮาสถานเดียว ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ หนังยังฉลาดในการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่าง “การไม่กล้าจูบต่อหน้าสาธารณชน” อะไรยังเงี้ย แค่จุดเล็กๆ เท่านี้ก็สามารถเพิ่มอารมณ์โรแมนซ์ได้โขแล้วครับ ไม่ต้องพึ่งคำพูดชวนซึ้งอะไรมาก

ผมชอบที่หนังสอนเรามาตรงๆ ว่าการปล่อยโอกาสที่ดีให้หลุดลอยไปนั้น มันน่าเสียดาย เพราะมันไม่มีทางย้อนเวลากลับไปคว้าได้อีก ลองหลุดไปแล้วก็ไปลับไม่กลับมาชัวร์ๆ ดังนั้นหากเรากล้าที่จะพูด กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ควรทำซะก่อนที่จะไม่มีโอกาส ข้อคิดนี้ง่ายนะ เห็นหลายคนบอกว่าแง่คิดได้ยินบ่อยแล้ว เชย แต่จะมีซักกี่คนล่ะครับที่เอามาใช้เตือนสติจริงๆ น่ะ 

ไม่ผิดหวังครับ หนังมันสนุก ฮามันส์ดี ดูแล้วสบายใจ ไม่ผิดหวังครับสำหรับคนชอบหนังฮา ออ ยังมีเจ๊ Krista Allen สุด Sexy จากซีรี่ส์ Emmanuelle เธอมาเล่นด้วยครับ คนที่ผมดำที่เป็นคู่เลสเบี้ยนน่ะครับ ใครเกทมุขรับรองฮาชัวร์ เพราะหนังมันบอกว่าสองคนนี้เล่นหนังผู้ใหญ่น่ะ