ค้นหาหนัง

Assassins | มหาประลัยตัดมหาประลัย

Assassins | มหาประลัยตัดมหาประลัย
เรื่องย่อ : Assassins | มหาประลัยตัดมหาประลัย

โรเบิร์ต แรธ (Sylvester Stallone) ยอดมือปืนอันดับหนึ่ง ที่กำลังอยากจะล้างมือจากวงการ แต่เขาก็โดนลูบคมโดยนักฆ่ารุ่นน้องจอมจองหองอย่าง มิเกล เบน (Antonio Banderas) ที่คิดจะขึ้นแป้นสู่มือวางอันดับหนึ่งโดยการสังหารรุ ่นพี่ซะก่อน โรเบิร์ตจึงจำต้องเล่นเกมล่ากับมิเกลก่อนจะล้างมือ ขณะเดียวกันเขาต้องปกป้อง อีเลคตร้า (Julianne Moore) แฮคเกอร์สาวที่เป็นเป้าหมายรายต่อไปของมิเกลอีกด้วย

IMDB : tt0112401

คะแนน : 7



นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่ค่อยทำเงินทำทองเท่าไหร่นัก แต่ผมชอบนะครับ เพราะมันออกมาสนุกและเจ๋งดี

การที่หนังเรื่องนี้ทำเงินน้อย ซึ่งน้อยกว่าเรื่องใดๆ ที่พี่สไลแกรับเล่นระยะหลังๆ มานี่ ก็น่าจะเพราะมันไม่ได้อุดม Effect ครับ และ ฉากก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก การโปรโมตก็ไม่แรง แต่ผมก็อยากจะบอกครับว่าหนังเรื่องนี้มีดีอยู่ อาจจะเรียกว่าดีที่สุดในงานยุคหลังของพี่แกเลยล่ะมั้ง

เรื่องราวมันเน้นตรงการเฉือนเหลี่ยมระหว่างโรเบิร์ตกับมิเกล ซึ่งทุกครั้งที่พวกเขาเผชิญหน้ากันจะบังเกิดความมันส์ทุกรอบไป แต่ไม่ได้มันส์เพราะยิงกันหูดับตับไหม้นะครับ ความสนุกมันอยู่ที่การต่อปากต่อคำและการเล่มเกมเชิงจิตวิทยากัน

อย่างเช่นฉากแรกที่ทั้งคู่เจอกันก็คือเจอกันในรถแท็กซี่ครับ โดยโรเบิร์ตปลอมเป็นคนขับ แล้วก็รอรับตัวมิเกลขึ้นมา และพอต่างฝ่ายต่างรู้ว่าใครเป็นใครก็รีบควักปืนมาจ่อกันทันที แต่เนื่องด้วยรถแท็กซี่มันมีกระจกกั้นผู้โดยสารที่กันกระสุนน่ะครับ มิเกลเลยทำอะไรโรเบิร์ตไม่ได้

เนี่ยครับ แค่เจอกันฉากแรก โรเบิร์ตก็สอนมวยรุ่นน้องเรียบร้อย

แต่พอมิเกลรู้ว่ายิงโรเบิร์ตไม่ได้ พี่แกเลยตัดสินใจเล็งปืนออกไปนอกรถ แล้วขู่โรเบิร์ตว่า ถ้าไม่ออกรถ เขาจะยิงผู้บริสุทธิ์ทันที

นี่ก็เป็นการพลิกเกมกลับของมิเกลครับ แสดงว่าไอ้นี่ไม่ได้บ้าอย่างเดียว แต่มีสมองด้วยและมันยังทำการบ้านมาดี ที่รู้ว่าโรเบิร์ตจะไม่ฆ่าคนบริสุทธิ์ เป็นมือปืนมีหัวใจน่ะว่างั้นเถอะ

เอาแค่นี้ก็น่าติดตามแล้วครับว่ามันจะกินกันลงได้อย่างไร แม้ฉากบู๊ระเบิดระเบ้อจะไม่มีเลยก็ตาม แต่มันเข้มข้น ซึ่งจุดนี้ต้องขอแจ้งให้ทราบครับว่า Assassins เป็นผลงานเขียนบทชิ้นแรกของคู่พี่น้อง Andy และ Larry Wachowski ที่สรรค์สร้าง ผลงานไตรภาค The Matrix ในเวลาต่อมา ซึ่งแค่เรื่องนี้ก็ฉายแววฝีมืออกมาแล้วครับ สามารถจับเอาเรื่องราวนักฆ่ามาผูกกันให้เข้มข้นได้

ส่วนผู้กำกับก็ไม่ใช่ใครครับ เขาคือ Richard Donner เจ้าของผลงานหนังคู่หูตำรวจสุดมันส์อย่าง Lethal Weapon ทั้ง 4 ภาค ซึ่งเขามาทำหนังเรื่องนี้เพราะ Joel Silver ผู้อำนวยการสร้างเรียกมาโดยตรงเลยครับ ประมาณว่าถ้าพี่แกไม่ทำ ก็ไม่ต้องทำกันเลย แหม ก็สองรายนี้เขาซี้กันนี่คับ

Donner เขาแน่จริงครับ ทำหนังออกมาสนุกทุกเรื่อง แต่ก็ต้องเข้าใจล่ะครับว่าแกเป็นผู้กำกับมือเก๋าเก่าแก่ ทีลีลามุมกล้องมันไม่ได้ฉับไวเท่าคนทำหนังรุ่นใหม่ ดังนั้นหากไม่เร้าใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะพี่แกชอบเร้าอารมณ์ซะล่ะมากกว่า เช่นทำให้กดดันหรือตื่นเต้นเงี้ย แกจะถนัดครับ โดยไม่ต้องเคลื่อนกล้องมากมายอะไร แค่ตัดสลับไม่กี่ที ก็สร้างความตื่นเต้นให้ฉากนั้นได้แล้ว

ดังนั้นจะว่าไปนี่ก็เป็นหนังแอ๊คชั่นที่เน้นกันตรงบทมากกว่าจะมาสาดกระสุนกันนะครับ ดังนั้นคอหนังแอ๊คชั่นประเภทชอบฉากตูมตามอาจจะไม่ประทับใจนัก แต่เผอิญผมชอบน่ะครับ มันเข้มข้นดี พี่สไลของผมก็ไปได้ดีกับบทนี้นะ เพราะบทมันประมาณว่าพี่แกเป็นมือปืนที่เก่งมากจนเบื่องาน และหน้าพี่แกก็เบื่อโลกดีด้วย 5555 แต่จริงครับ ท่าทางแกออกอาการเบื่อต่อการฆ่าคนมากจริงๆ

ส่วน Banderas ก็คลั่งได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ที่เด่นกว่าวายร้ายเรื่องอื่นๆ ของพี่สไลก็คือ แกคลั่งแบบมีสมองครับ จริงๆ แกฉลาดเอามากๆ ด้วย เพียงแต่ใจร้อนไปหน่อยเลยมักจะเสียท่าให้โรเมิร์ตหลายครั้ง ตอนแรกนั้นเห็นเขาว่าจะให้ Woody Harrelson หรือไม่ก็ Christian Slater มารับบทนี้นะครับ แต่ทั้งคู่ก็ไม่เอา ซึ่งผมว่าก็ดีแล้วล่ะครับ Banderas แกเหมาะกับบทนี้มากกว่าเยอะ เพราะเขามีเสน่ห์เฉพาะตัวมากกว่าสองรายนั่นอีกนะผมว่า

นอกจากนี้ ตามบทดั้งเดิม จริงๆ แล้วมือปืนโรเบิร์ต แรธนั้นต้องเก๋ามากๆ ถึงขนาดแก่เลยนะครับ และคนที่มีการเล็งไว้ว่าจะให้มาเล่นก็คือ Sean Connery โอ้ กะให้มันเก๋ากันไปข้างนึงเลยนะ แต่พอดีปู่ Sean แกไม่ว่างครับ บทเลยต้องลดอายุมาเป็นพี่สไลแทน

ส่วนดนตรีประกอบของหนังนั้น ตอนแรกเป็นฝีมือของ Michael Kamen ที่ร่วมงานกับ ผู้กำกับ Donner มานานน่ะนะครับ แต่เผอิญจังหวะดนตรีที่ Kamen ทำมันออกจะเชื่องช้าไปหน่อย แต่ Donner เขาอยากได้อะไรที่มันเร้าใจกว่านี้ แต่พอจะขอให้ Kamen ทำใหม่ เขาก็ดันไปทำดนตรีให้ Die Hard: With a Vengeance ซะแล้ว สุดท้าย Donner เลยต้องใช้บริการ Mark Mancina แห่ง Speed แทน

อันทำให้หนังต้องเลื่อนกำหนดการฉาย จากช่วงมิถุนาปี 95 กลายมาเป็นตุลาคมแทน

แต่ผลที่ได้ก็ดีนะครับ ดนตรีออกมาเร้าใจสมอยาก ทำให้หนังมีรสชาติร้อนแรงขึ้น ซึ่งก็ถูกอย่างที่ Donner ว่านะครับ เพราะโทนหนังมันเนิ่บๆ แต่เข้มข้นไงฮะ ทีนี้ถ้าดนตรีมันช้าไป หนังก็จะกลายเป็นอืดได้

โดยรวม ผลที่ได้ออกมานี่ก็เป็นหนังบู๊แบบเข้มข้นครับ ไม่มี Effect อะไร เน้นเรื่องบทและความน่าติดตาม ความลุ้นมากกว่า ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีซะด้วย ผมแนะนำเลยล่ะครับสำหรับเรื่องนี้ มันเข้าท่าจริงๆ แม้หนังจะยาวไปหน่อยก็ตาม (ยาวราวๆ 2 ชั่วโมง 10 นาทีครับ)

เป็นหนังดีอีกเรื่องของพี่สไลครับผม