IMDB : tt0295178
คะแนน : 7
ปิดท้ายไตรภาค ด้วยการกลับมากันครบทีมทั้งออสติน พาวเวอร์ สายลับเทพบุตรนานาชาติ, ดร.อีวิล จอมวายร้ายที่หมายครองโลก, แฟต บัสตาร์ท ไอ้อ้วนจอมถ่อย (Mike Myers ทั้งสิ้น) มาตีกันเป็นหนสุดท้าย ครั้งนี้ ดร.อีวิลนอกจากจะหิ้วเอา มินิ มี (Verne Troyer) กลับมาด้วยแล้ว เขายังตามเอา โกลด์เมมเบอร์ (Mike Myers นั่นแหละ จะใครซะอีกเล่า) อาชญาการแห่งยุค 1975 กลับมาก่อการทลายโลกในยุคปัจจุบัน ส่วนออสตินก็ไม่ได้ลุยเดี่ยว เขายังได้เจอกับ ฟ็อกซี่ คลีโอพัตรา (Beyoncé Knowles) พยัคฆ์สาวผู้ช่วยของเขา กับ ไนเจล พาวเวอร์ (Michael Caine) พ่อแท้ๆ ของออสติน ก็มาร่วมขบวนฮาด้วย ก็มาดูกันครับว่าศึกครั้งที่สามของออสตินกับดร.อีวิลจะลงเอยอีท่าไหน หนังภาคนี้ แบ่งครึ่งมุขครับ ครึ่งแรกเป็นมุขแบบภาคแรก ซึ่งจะเน้นมุขฮาแบบปัญหาอ่อนหน่อยๆ หรือไม่ก็ลึกๆ ซักนิดนึง ส่วนครึ่งหลังเป็นมุขแบบภาค 2 ซึ่งใส่กันแบบฮาแตก มีถ่อยมีเถื่อน มุขเจ็บตัวแบบสบายๆ ขำขำ ดังนั้น ไม่ต้องห่วง ใครชอบมุขสไตล์ไหนก็ฮากันได้ทั้งนั้น ส่วนผมก็ฮาทั้งเรื่องน่ะครับ แต่ละมุขก็บ้าไม่เลิก อย่างไอ้มุขที่พ่อลูกตระกูลพาวเวอร์ คุยสำเนียงบ้านเกิดกันแล้วต้องมีซับข้างล่างอีก กัดความสำเนียงผู้ดีของอังกฤษได้อย่างสุดยอดจริงๆ ใครว่าไงไม่รู้นะครับ แต่ผมฮาสุดๆ เลยล่ะ ทีมดาราภาคนี้ก็ดีครับ มีคนดังๆ มารับเชิญให้แบบประปราย Caine ก็มารับบทเป็นพ่อของออสตินได้ฮาดี เห็นตอนแรกเขาเชิญ Sean Connery มาเล่นนะครับ แต่ผมว่า Caine จะเข้ากว่า เพราะบทมันต้องกะล่อนและติงต๊องไปกับลูกชายได้ ซึ่ง Caine จะไปกับบทฮาๆ ได้ดีกว่า อีกอย่างก็คือ Myers เคยบอกเอาไว้นะครับว่า คาแร็คเตอร์ตัวละครออสติน พาวเวอร์นั้น ก็อิงหลายๆ ส่วนมาจากตัวละครที่ชื่อ อัลฟี่ ในหนัง Alfie (ฉบับแรกนะครับ ที่ Jude Law มาเล่นนั้นเป็นฉบับรีเมค) ซึ่งฉบับที่ว่านี้คนที่เล่นเป็นอัลฟี่ก็คือ Caine นั่นเองแหละครับ ก็เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมลูกถึงออกมาเป็นแบบนี้ ก็พ่ออัลฟี่มันจอมกะล่อนจอมเจ้าชู้นี่ครับ ดังนั้นการได้ Caine มาแสดงก็ถือเป็นจุดดีไปเสียอีกน่ะ สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งในภาคนี้ก็คือหนังมีการเล่นประเด็นพ่อลูกกันอย่างอ่อนๆ นะครับ ไม่ได้ลึกล้ำหรือชวนซึ้งอะไร แต่ก็ไม่เลวนะ อย่างน้อยพี่ Myers แกก็เล่นได้ดีครับ เวลาที่พ่อไม่มาร่วมแสดงความยินดีหรือไม่ยอมอยู่ในช่วงที่เขาต้องการพ่อ หนังภาคนี้เลยเป็นแนวฮาที่แทรกเรื่องครอบครัวลงไปด้วยเลย ซึ่งนอกจากครอบครัวของออสตินแล้ว ยังมีเรื่องของดร.อีวิลด้วย อ้า อันนี้บอกไม่ได้ครับ ถ้าอยากทราบต้องตามไปดูเอง ก็ถือเป็นหนังชุดไตรภาคที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กันครับ สนุกและฮาอยู่ อีกทั้งภาคนี้มันยังขมวดเรื่องราวได้อย่างน่ารักด้วย ซึ่งก็ต้องชมทั้งผู้กำกับ Jay Roach และ Myers เลยครับที่ร่วมกันสร้างงานสนุกๆ ฮาๆ ออกมาได้ขนาดนี้ สรุปว่าภาค 3 หนังก็จบได้ดีครับ ฮาคงที่ ไม่มีตกเลย ถ้าท่านชอบสองภาคแรก ภาคนี้ก็คงขำได้สบายๆ แน่นอนครับ