ค้นหาหนัง

Batman & Robin | แบทแมน & โรบิน

Batman & Robin | แบทแมน & โรบิน
เรื่องย่อ : Batman & Robin | แบทแมน & โรบิน

เมื่อภรรยาที่รักล้มป่วยด้วยโรคร้ายที่ไร้ทางรักษา ด็อกเตอร์ วิกเตอร์ ฟริส ผู้เป็นสามีจึงจะแช่แข็งภรรยาเพื่อรักษาร่างและชีวิตเธอไว้จนกว่าจะหาวิธีรักษาโรคร้ายนั้นได้ แต่แล้วกลับเกิดอุบัติเหตุกับวิกเตอร์เมื่อเขาตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง ทำให้วิกเตอร์เปลี่ยนตัวเองเป็นมิสเตอร์ฟรีซ วายร้ายที่ต้องอาศัยความเย็นในการดำรงชีวิตตลอดเวลา มิสเตอร์ฟรีซร่วมมือกับ พ็อยชั่นไอวี่ อดีตนักวิทยาศาสตร์สาวที่ถูกสารเคมีหกใส่จนกลายเป็นผู้มีความสามารถในการควบคุมพืชและมนุษย์ ทั้งสองคนวางแผนจะแช่แข็งเมืองก็อตแธมเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินจำนวนมหาศาล มิเช่นนั้นเขาจะทำให้เมืองทั้งเมืองต้องอยู่ในน้ำแข็งเผชิญกับความหนาวเย็นไปตลอดกาล แบทแมนต้องแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับต้องดูแล โรบิน และ แบทเกิร์ล ผู้ช่วยของเขาไม่ให้หลงกลกับแผนร้ายต่าง ๆ ของวายร้ายทั้งสองคน

IMDB : tt0118688

คะแนน : 3



แล้ว Batman ภาค 4 ก็สร้างกันออกมาโดยที่อุปสรรคไม่มากมายเท่าตอนสร้างภาค 3 เรื่องใหญ่ๆ เลยก็คือการที่ Vla Kilmer ตบเท้าออกจากโปรเจคท์ไม่ยอมมาเล่นเป็นแบทแมนอีก สาเหตุใหญ่ๆ ก็เพราะพี่แกกับผู้กำกับ Joel Schumacher กินเกาเหลาซึ่งกันและกัน (ไม่กินเส้น) แต่ไม่นานทีมงานก็สามารถหาดาราเข้ามาแทนที่ นั่นคือ George Clooney ที่กำลังดังสุดๆ จากซีรี่ส์ ER

ส่วนบทมิสเตอร์ ฟรีซ วายร้ายของเรื่องตอนแรกก็ได้รับการวางตัวให้ Patrick Stewart หรือกัปตันพิคาร์ดแห่งหนังชุด Star Trek: The Next Generation ให้มาเล่น แต่แล้วคนที่มีภาษีมากกว่าอย่าง Arnold Schwarzenegger ก็มาคว้าไป (ด้วยค่าตัว 25 ล้าน!) ส่วนตัวร้ายอีกคนอย่างพอยซั่นไอวี่ ก็มีหลายรายมาอยู่ในลิสต์เช่นกัน Julia Roberts, Sharon Stone และ Demi Moore แต่คนทีได้ไปก็คือ Uma Thurman

เห็นมั้ยครับ อะไรๆ มันง่ายไปหมด … จนหนังออกมาง่ายไม่แพ้กัน

ภาค นี้แบทแมน (Clooney) และโรบิน (Chris O’Donnell) ต้องรับมือกับวายร้ายมิสเตอร์ฟรีซ (Schwarzenegger) ผู้มีความเย็นเป็นอาวุธ กับพอยซั่นไอวี่ (Thurman) สาวสารพัดพิษ ที่ต้องการจะกวาดล้างนครก็อตแธมให้พินาศสิ้น ทำให้สองหนุ่มนักปราบอธรรมต้องขัดขวาง รวมไปถึงภาคนี้ยังเป็นการเปิดตัว แบทเกิร์ล (Alicia Silverstone) อีกด้วย

คือ … แบบว่า … ไม่น่าเลย โธ่ๆๆๆ ไม่น่าเลยพี่ Joel Schumacher

ตอน พี่แกกำกับภาคก่อน ยังพอทำเนา มาภาคนี้จะเนาจะสอยก็ไม่ไหวแล้วล่ะครับ โอเค หนังมันดูได้ ไม่ถึงกับเลวร้าย แต่ความเข้มข้นสู้ 2 ภาคแรกไม่ได้เลย มิหนำซ้ำการเปิดตัวแบทเกิร์ลก็ยังเป็นการทำร้ายหนังมากกว่า เพราะตัวละครมันเยอะเกินไป ความเด่นของแต่ละคนเลยโดนทอนลงไปมาก แล้วหนังก็ลงสูตรจนคนดูจับทางได้หมด ไม่มีอะไรแปลกใหม่อะไรเลย บทหนังก็อ่อนโยนสุดๆ

ผมเข้าใจครับว่าพี่อยากทำหนังให้ทุกคนในครอบ ครับดู แต่ก็ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้อ้ะ คืออะไรๆ มันจะง่ายๆ ไปหมดเลยเหรอครับ บทไม่มี เนือ้เรื่องง่ายๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้น โอเค Effect ดี ฉากอลังการแต่มันไม่มีอะไรให้น่าติดตามอีกแล้วน่ะ ปมระหว่างแบทแมนกับโรบินก็ผิวเผินสุดๆ อีกทั้งบทของบรูซ เวย์นในภาคนี้ ก็นิ่งสนิทไร้มิติไปอีกคน ทั้งๆ ที่พี่ George แกเป็นนักแสดงขายฝีมือนะครับ แต่บทไม่เปิดโอกาสเลย แค่ออกมานิ่งๆ ส่ายหัวไปมาเท่านั้นเอง เสียดายนะเนี่ย

คนอื่นๆ ก็เป็นตัวการ์ตูนหมดเรียบครับ เรื่องราวก็เดินแบบสูตรซะยิ่งกว่าสูตร จนไม่มีอะไรให้พูดถึงอีกแล้ว

ก็สมควรครับที่หนังจะล้มเหลวทางรายได้อย่างหนัก จนในที่สุดแบทแมนต้องกลับมาในแบบ Begins (แต่ก็เป็นเรื่องดีครับ ถ้าจะว่าไปแล้วน่ะ)

อีก อย่างที่น่าเสียดายคือ ภาคนี้ก็ยังมีอะไรดีๆอยู่บ้าง อย่างปมของอัลเฟรด (Michael Gough) พ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์ที่ตอนนี้กำลังป่วยและอาจจะตายได้ แต่นั่นดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเพียงปมเดียวที่น่าพูดถึงอยู่บ้าง เพราะนอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย และปมนี้ก็เล่นกันอย่างเฉยๆ น่ะ แค่มีไว้ประดับมากกว่าส่วนลุง Michael Gough ก็ยังแสดงได้ดีตามเคย เสียดายครับที่มันไม่เล่นให้หนักหนากว่านี้

ดาราจัดว่าเรื่อยๆ นะ Schwarzenegger กับ Thurman และ O’Donnell จัดว่าพอรับได้ แต่ที่เสียหายหลายล้านก็คือ สาวน้อย Alicia Silverstone ของผม โอยสมัยโน้นเจ๊แกน่ารักสุดยอดอ้ะ แต่ทำไมครับ มาเรื่องนี้คุณเจ๊เธอถึงได้บวมขึ้นปานฉะนี้ อีกทั้งบทแบทเกิร์ลยังออกจะเป็นส่วนเกินของหนังด้วยเลยไปกันใหญ่ละครับ

สรุปแล้วกันครับ ว่าหนังค่อนข้างน่าผิดหวังไปบ้าง จะดูเอามันส์น่ะได้ครับ แต่ต้องทำใจหน่อยน่ะ