IMDB : tt10230994
คะแนน : 7
หลังโรงหนังกลับมาเปิดเมื่อปีที่แล้ว หนังฟอร์มยักษ์ของเด็จพ่อโนแลนอย่าง ‘TENET’ ได้เข้าฉายและทั้งโลกก็เริ่มได้รู้จักกับว่าที่ซูเปอร์สตาร์คนใหม่แต่นามสกุลคุ้นหูอย่าง จอห์น เดวิด วอชิงตัน (John David Washington) แต่นอกเหนือจากการที่เขาคือลูกชายของเดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) แล้วฝีมือการแสดงที่บ่มเพาะและเสน่ห์เฉพาะตัวก็ทำให้ทุกวันนี้วอชิงตันคนลูกเริ่มเป็นนักแสดงที่ผู้กำกับหลายคนอยากร่วมงานด้วยและในวันนี้เขาก็มีผลงานหนังทริลเลอร์เรื่องใหม่ทางเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) อย่าง ‘Beckett’ มาพิสูจน์ฝีมือของเขาอีกครั้ง
ดูจากพลอตแล้ว ‘Beckett’ แทบจะมีส่วนผสมของหนังทริลเลอร์ที่น่าจะพามันไปสู่การเป็น ‘Jason Bourne’ ผสมกับหนังไล่ล่าเข้ม ๆ แนวผิดฝาผิดตัวอย่าง ‘The Fugitive’ อะไรเทือก ๆ นั้นได้เลย แต่ความน่าสนใจสำคัญที่ทำให้ตัวละครเบ็คเก็ตน่าสนใจคือการวางตัวให้เป็นคนธรรมดานี่แหละครับ ยิ่งเป็นคนที่อยู่ต่างเมืองต่างถิ่นก็ยิ่งทำให้ชะตากรรมการถูกตามล่าดูน่ากลัวมากขึ้น แต่น่าเสียดายตรงที่พอตัวหนังจริงเสร็จออกมาเรากลับเห็นช่องโหว่และความไม่สมเหตุสมผลอะไรเต็มไปหมด.
ประการแรกเลยคือการเริ่มเรื่องที่หนังเหมือนจะเน้นเหลือเกินให้เราดื่มด่ำกับความรักระหว่างเบ็คเก็ตกับเอพริลถึงขั้นอุทิศเวลา 10 กว่านาทีแรกของหนังอยู่ที่โรงแรมให้เราเห็นพวกเขาพลอดรักกันจนคนดูเอียนไปเลย และพอเกิดอุบัติเหตุในนาทีที่ 14 แบบไม่ทำให้เรารู้สึกถึงความตื่นเต้นหรืออะไรทั้งสิ้น มิหนำซ้ำยังอุตส่าห์ปูปมใหม่เข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วค่อยไปแถเอาในองก์ 2 ของหนังว่าตอนเกิดอุบัติเหตุเบ็คเก็ตได้เจอลูกชายนักการเมืองที่ถูกลักพาตัว
พอหนังเริ่มเข้าช่วงไล่ล่าที่แทบจะไม่มีความระทึกใจอะไรเลยหนังกลับบาลานซ์ระหว่างสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้า กับงานถ่ายภาพที่เหมือนสารคดีท่องเที่ยวไม่ได้เลย มิหนำซ้ำเรายังจับสังเกตการกำกับการแสดงที่เหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้พระเอกอย่างเบ็คเก็ตเป็นคนฉลาดหรือจะเป็นคนธรรมดา เพราะบางทีเขาก็ตัดสินใจทำอะไรให้เรากุมขมับอยู่บ่อย ๆ แต่บทจะเป็นฮีโรหนังก็เล่นซะแทบจะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโรโม้แหลกจนผิดฟอร์ม
แต่จุดที่รู้สึกเสียดายที่สุดกลับเป็นจุดขายของหนังตรงเรื่องการเมืองในกรีซ เพราะหนังไม่ปูพื้นเหตุการณ์การเมืองหรือปูความขัดแย้งตรงนี้มากพอ แถมเรายังได้ดูพระเอกถูกตามล่าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมาร่วมชั่วโมงแล้วอยู่ดี ๆ หนังก็มีเหตุการณ์ที่ลูกชายนักการเมืองถูกลักพาตัวและนำไปสู่ฉากการประท้วงท้ายเรื่อง ซึ่งสิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือหนังไม่อาจเชื่อมโยงชะตากรรมของพระเอกกับเหตุการณ์การเมืองของกรีซในหนังให้แนบเนียนได้เลย
ซึ่งจากปมของหนังที่ดูกระจัดกระจายนี้เองที่ทำให้เห็นว่า เฟอร์ดินานโด ซิโต ฟิโลมาริโน (Ferdinando Cito Filomarino) ยังคุมทิศทางของหนังไม่อยู่มือนัก ว่าจะให้มันเป็นโรแมนติกทริลเลอร์ แอ็กชันทริลเลอร์ หรือไปถึงงานดราม่าทริลเลอร์อิงการเมือง ที่มีหนังดี ๆ ให้เป็นต้นแบบมากมายโดยเฉพาะ ‘The Manchurian Candidate’ หนังทริลเลอร์ที่เล่นกับทฤษฎีสมคบคิดได้อย่างชาญฉลาดจนเป็นตำนาน จะเหลือความดีของหนังก็เพียงแค่งานถ่ายภาพนี่แหละครับที่ต้องยอมรับว่าหนังถ่ายกรีซออกมาได้สวยงามจนอยากแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวจริง ๆ
และที่น่าเสียดายมากคือการปรากฎตัวของนักแสดงมากฝีมือทั้งจอห์น เดวิด วอชิงตันเองที่เล่นสุดฝีมือมากแต่เหมือนถูกหนัง “แกง” ให้ทำอะไรโง่ ๆ แทบทั้งเรื่องหรือจะเป็นอลิเซีย วิกันเดอร์ที่เหมือนรู้ตัวว่าได้ออสการ์ไปก็ไม่ได้ช่วยให้งานดี ๆ. เยอะขึ้น เลยจำยอมมาปรากฎตัวในบทที่แทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือจะเป็น บอยด์ โฮลบรูค (Boyd Holbrook) นักแสดงนำจากซีรีส์ ‘NARCOS’ ของเน็ตฟลิกซ์เองที่ต้องมารับบทเจ้าหน้าที่สถานฑูตกับทรงผมพัง ๆ และท่าทีมีพิรุธจนน่าเสียดายในฝีมือการแสดงที่เคยฝากไว้ในผลงานเรื่องก่อน