ค้นหาหนัง

Beetlejuice | ผีขี้จุ๊ยส์

Beetlejuice | ผีขี้จุ๊ยส์
เรื่องย่อ : Beetlejuice | ผีขี้จุ๊ยส์

หนังเล่าถึงสามีภรรยาตระกูลเมทแลนด์ อดัม และบาร์บารา (Alec Baldwin และ Geena Davis) ที่อาศัยกันในบ้านแสนน่ารัก ใช้ชีวิตวันพักร้อนกันอย่างสงบ แต่แล้วทั้งคู่ดันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทว่าวิญญาณยังไม่ไปไหนครับ พวกเขากลับมาโผล่ที่บ้านหลังเก่าและไม่สามารถออกจากบ้านได้ เพราะพอออกไปก็จะเจอทะเลทรายที่มีตัวอะไรก็ไม่รู้ว่ายอยู่ใต้นั้น ทีนี้เมื่อบ้านว่างลงยังไงก็ต้องมีคนมาอยู่ครับ และนั่นก็คือครอบครัวดีทซ์ที่ประกอบไปด้วยพ่อ (Jeffrey Jones) แม่ (Catherine O’Hara) และลูกสาวชื่อว่าลิเดีย (Winona Ryder) ซึ่งแต่ละคนก็มีความเพี้ยนในแบบของตัวเอง จนอดัมและบาร์บาร่าทนไม่ได้และอยากขับไล่คนพวกนี้ให้ออกไปซะ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้เรื่องสักที แทนที่จะทำให้กลัวดันทำให้ครอบครัวนี้ตื่นเต้นที่ได้เจอผีซะนี่ จากนั้นก็มีผีลึกลับสุดเพี้ยนนามว่า บีเทิลจู๊ซ (Michael Keaton) โผล่มาโฆษณาตัวเองว่าจะจัดการหลอกไล่ครอบครัวดีทซ์ให้เอง และนั่นล่ะครับจุดเริ่มของวุ่นๆ อีกเพียบ

IMDB : tt0094721

คะแนน : 10



ผมจำชื่อคุณพี่ Tim Burton ได้แบบจั๋งๆ ก็ด้วยหนังเรื่องนี้นี่แหละ!

ผมยกตำแหน่ง “หนังผีเพี้ยนที่ไม่มีใครเหมือน” ให้ตั้งแต่ตอนดูรอบแรก และจนปัจจุบันก็ยังไม่มีหนังผีตลกเรื่องไหนจะมาแย่งตำแหน่งได้ เอาแค่เทียบเคียงยังแทบไม่มีเลยครับ เพราะหนังเรื่องนี้มันเพี้ยน ฮา บ้า ต๊อง อาร์ท และหม่นมืดผสมผสานกันไปในเวลาเดียวกันได้อย่างลงตัวแท้

ที่มาที่ไปของหนังเรื่องนี้ก็ต้องย้อนไปราวปี 1985 หลังจาก Pee-wee’s Big Adventure ผลงานกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของพี่ Tim ทำเงินไปถึง 40 ล้าน จากทุนสร้างเพียง 6 ล้าน สำหรับสมัยก่อนนั้นถือว่ากำไรมากมายเลยนะครับ (หากเอารายได้มาแปลงเป็นค่าตั๋วปัจจุบัน จาก 40 จะโดดเป็น 92 ล้านทันทีครับ) ด้วยเหตุนี้พี่ Tim จึงขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ได้รับการจับตา แล้วก็มีบทภาพยนตร์มากมายไหลมาสู่มือเขา

แต่ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่เรื่องเดียวที่เขารู้สึกสนใจ เขารู้สึกว่าบทแต่ละอันค่อนข้างธรรมดา และไม่เปี่ยมจินตนาการเท่าไร จนเขาไม่รู้สึกอยากอ่านบทอะไรอีกแล้ว และเขาก็ถูกทาบทามให้กำกับ Batman ระหว่างที่อยู่ในช่วงพัฒนาบทนั้น เขาก็ไดรับการติดต่อจากผู้อำนวยการสร้าง David Geffen ให้ลองอ่านบทหนังที่เขียนโดย Michael McDowell ซึ่งประจวบเหมาะที่พี่ Tim แกเคยร่วมงานกับ McDowell มาก่อนในซีรี่ส์ Alfred Hitchcock Presents ตอน The Jar แล้วผลก็คือ เขาชอบครับ

บทดั้งเดิมของหนังนั้นจะออกแนวสยองขวัญ ไม่มีอารมณ์ขันใดๆ โครงหลักยังเหมือนกับในหนังครับ แต่โทนจะน่ากลัวกว่า อย่างตัวบีเทิลจูซนั้นก็ไม่ได้ดูเพี้ยนแนวตลกแบบนี้หรอกครับ แต่จะเป็นปีศาจร้ายที่มีปีก รูปลักษณ์เป็นสัตว์เลื้อยคลาน แล้วก็มีร่างมนุษย์เป็นชาวตะวันออกกลาง พฤติกรรมก็ไม่ใช่แค่มากวนครับ แต่กะฆ่าให้ตายกันไปเลย อย่างครอบครัวดีทซ์นี่พี่แกหมายฆ่าแบบสยอง อีกทั้งยังคิดจะข่มขืนลิเดียด้วย

พอบทมาถึงมือพี่ Tim เขาก็อยากเปลี่ยนให้มันเป็นแนวตลกร้ายผสมความเพี้ยนลดความโหด เลยไปตาม Warren Skaaren มาช่วยกันแปลงบทร่วมกับ McDowell จนได้ออกมาเป็นหนังฮาผีเพี้ยนเรื่องนี้

ด้านนักแสดงนั้นตอนแรกพี่ Tim อยากได้ Sammy Davis Jr. ดาราคนโปรดตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก มาแสดงเป็นบีเทิลจูซ แต่ผู้สร้างไม่เห็นด้วยครับ และแนะนำให้พี่ Tim รู้จักกับ Keaton ปรากฏว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีมากๆ แล้ว Keaton ก็ได้บทนี้ไปอย่างไม่ยากเย็น ตามด้วยการติดต่อ Ryder ให้มาแสดงเป็นลิเดีย เพราะ พี่ Tim ชอบการแสดงของเธอใน Lucas

ส่วนบทแม่ของลิเดียนั้นตอนแรกจะได้ Anjelica Huston มาแสดง แต่เธอป่วยเสียก่อน ตัวเลือกต่อมาจึงเป็น O’Hara ซึ่งเธอก็ยินดีตอบตกลงทันที

ว่ากันว่าดาราหลายคนที่ได้รับการทาบทามนั้นบางรายไม่มาแสดงก็เพราะอ่านบทแล้วนึกภาพไม่ออก งงกับเนื้อหาที่แหวกแนวสุดๆ พี่ Tim เองยังออกมาบอกเลยครับว่า “ก็พวกเขาคงไม่รู้จะคิดยังไงกับบทประหลาดๆ อันนี้น่ะครับ”

ผมเองสมัยดูรอบแรกก็อึนๆ นะครับ แต่ชอบ พอดูอีกก็ชอบ ล่าสุดก็ยังคงสนุกกับความเพี้ยนสารพัด ไม่ว่าจะเพี้ยนตรงเนื้อเรื่อง ตามด้วยตัวละครในเรื่องที่หามนุษย์ปกติไม่เจอเลยครับ อดัมกับบาร์บาราก็เป็นผีดีที่ขาดความมั่นใจ, ลิเดียก็เป็นเด็กเก็บกด ชอบอยู่ในความมืดและหมกมุ่นในความตาย, ดีเลยแม่ของลิเดียก็ออกแนวอาร์ทจ๋า ปั้นศิลปะออกมาแต่ละชิ้นนี่ทำเอาคนดูปั้นหน้าไม่ถูกเลย, ยิ่งอ็อทโต้ (Glenn Shadix) เพื่อนของดีเลียก็ยิ่งบ้าไปกันใหญ่ อาร์ทพอกันแต่มีอะไรจี้ๆ เยอะกว่า และชาร์ลส พ่อของลิเดียที่ดูเหมือนจะปกติที่สุด แต่พี่แกก็แววเพี้ยนออกทันทีที่รู้ว่าบ้านตัวเองมีผี เลยอยากชวนเพื่อนมาเที่ยวกัน

ส่วนอีตาบีเทิลจูซก็ไม่ต้องพูดถึงครับ มันหลุดโลกสุดขั้วจริงๆ ยกนิ้วให้ Keaton เลยครับ เพี้ยนมาก บ้ามาก ฮามาก ขี้จุ๊ยส์สมชื่อไทยจริงๆ เมคอัพก็ทำได้ดีด้วย จนไม่แปลกใจที่จะได้ออสการสาขาเมคอัพในปีนั้นไปครอง และดาราในเรื่องทุกคนเล่นเหมาะเหม็งกับบทมากๆ ครับ

งานศิลป์ในเรื่องก็มีความเพี้ยน (แต่สวย) แทรกเต็มไปหมดครับ ไม่ว่าจะงานศิลป์แปลกๆ ของดีเลีย, ภาพในนรกที่เล่นแสงสีได้น่าสนใจ หรือฉากไคลแม็กซ์ที่เราจะได้เห็นสิ่งปลูกสร้างแปลกๆ อาร์ทๆ อีกพอสมควร อย่างปากทางเข้าโบสถ์ที่สาธุคุณผีโผล่ออกมาน่ะครับ

และที่ลืมไม่ได้คือดนตรีที่ผสมความฮฺา ความอาร์ท และความมืดเข้าด้วยกันโดย Danny Elfman คอมโพเซอร์คู่บุญของพี่ Tim เอาแค่เพลงไตเติ้ลของหนังก็ติดหูแล้วครับ

เป็นหนังตลกรสเพี้ยนที่อร่อยมากครับ ดูสนุก แต่ก็คงต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนด้วยนะครับ บางคนดูแล้วไม่ถูกเส้นกับตลกแปลกๆ ในเรื่องก็มี แต่ส่วนใหญ่ถ้าใครติดใจเรื่องนี้ล่ะก็ มักจะสมัครเป็นแฟนหนังพี่ Tim แกเสมอ อย่างผมเป็นต้นครับ ติดรสมือแกเรื่อยมายันปัจจุบัน

นอกจากความเพี้ยนทั้งเรื่อง ทางภาพ และทางตัวละครแล้ว ผมชอบไอเดียแบบพี่ Tim แกนะ พี่เขามักจะมองอะไรไม่เหมือนใคร อย่างการจับเอาโลกหลังความตายมาละเลงให้ขำขัน, หนังสือคู่มือคนตายที่อ่านแล้วงงแทนที่จะกระจ่างว่าตายแล้วไปไหน, ยมบาลในยมโลกที่ไม่ได้มีฤทธิ์มากมาย ทำให้ผีส่วนมากต้องพึ่งพาตนเอง, บริการของบีเทิลจูซที่มีไว้ช่วยผีมือใหม่ (แต่จริงๆ มุ่งหมายจะฉกชิงผลประโยชน์เข้าหาตัวเอง), การมองว่าเรื่องผีไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แล้วจริงๆ เหมือนพี่แกจะสื่อว่าผีนั้นสามารถเป็นเพื่อนกับคนได้ ไม่เห็นต้องไปกลัวอะไรเลย อยู่ร่วมกันก็ยังได้จะไปคิดอะไรมาก ฯลฯ

จึงอยากแนะนำให้ลองดูกันนะครับ ถ้าใครไม่เคยชมก็ลองลิ้มชิมดูสักครั้งคุณอาจจะค้นพบหนังที่โดนใจมากๆ ก็ได้ หรือถ้าใครเป็นแฟนพี่ Tim ก็อยากให้หามาดูกันให้ได้ครับ นี่แหละหนังเพี้ยนเต็มขั้นเรื่องแรกของเขา (เรื่อง Pee-Wee น่ะเพี้ยนปานกลางครับ 555)

แต่ถ้าดูแล้วไม่ชอบหรือกระเดียดไปทางเฉยๆ ก็อย่าแปลกใจครับว่าทำไมคนอื่นเขาถึงชอบกัน แสดงว่าต่อมเพี้ยนเรายังไม่ทำงาน