ค้นหาหนัง

Being John Malkovich | ตายล่ะหว่า...ดูดคนเข้าสมองคน

Being John Malkovich | ตายล่ะหว่า...ดูดคนเข้าสมองคน
เรื่องย่อ : Being John Malkovich | ตายล่ะหว่า...ดูดคนเข้าสมองคน

เครก(John Cusack)นักเชิดหุ่นที่มีพรสวรรค์มากแต่ขาดโอกาสได้เข้าไปทำงานในบริษัทเเห่งหนึ่งตามคำแนะนำของภรรยา(Cameron Diaz) บริษัทตั้งอยู่บนชั้น7ครึ่งของตึกมาร์ตินเฟลมเมอร์ และที่นั้นเครกก็ได้ตกหลุมรักพนักงานที่พึ่งเข้ามาใหม่เช่นกันชื่อแม็กซีน(Catherine Keener)แต่เธอไม่ได้ชอบเครก สุดท้ายเครกก็ได้ไปพบกับประตูลึกลับที่สูงเพียงเเค่ครึ่งเดียวพอเข้าไปเขาก็ต้องไปโผล่อยู่ในหัวของดาราดังชื่อจอห์น มัลโควิชและเรื่องราวประหลาดๆสุดเเสนจะเพี้ยนก็ได้เริ่มต้นขึ้น

IMDB : tt0120601

คะแนน : 9



นับเป็นหนึ่งในหนังที่ผมได้ดูโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมาก่อนจริงๆ ไม่เคยดูตัวอย่างไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง เเค่มันมาฉายทางทีวีก็เลยดูไปเพราะว่างไม่มีไรทำเเค่นั้นเอง แต่บอกเลยทันทีที่ได้ดูมันหยุดไม่ได้จริงๆคือเเบบหนังยิ้มสนุกมากๆ ดูเสร็จเเล้วถึงกับต้องไปหาซื้อเเผ่นมาเก็บไว้ดูซ้ำในทันที และเมื่อไม่กี่วันมานี้ผมก็พึ่งหยิบมันมาดูซ้ำอีกรอบและหนังก็ยังสนุกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือได้เห็นอะไรดีๆเยอะขึ้นก็เลยอยากจะมารีวิวเเนะนำให้คนที่ยังไม่เคยดูลองหามาดูกัน และก็ถ้าใครที่เคยดูมาเเล้วก็มาพูดคุยกันได้นะครับว่าคิดเห็นอย่างไรกับหนังเรื่องนี้

ความรู้สึกหลังดูจบ:อย่างที่บอกไปด้านบนมันสนุกมากๆ และที่เด็ดจริงๆคือหนังมันตลกกว่าที่คิดต้องบอกว่ามันโครตจะตลกเลยมากกว่า แถมหนังยังมีพล็อตเรื่องที่สร้างสรรค์ในแบบเพี้ยนๆจนคุณต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า"คิดได้ไงวะ" จริงๆผมว่ามันก็เป็นหนังที่เข้าใจยากอยู่พอสมควรเลยนะเพราะมีอะไรให้เราตีความเยอะ แต่พอดูไปเรื่อยๆด้วยความสนุกของเนื้อเรื่องบวกกับความตลกของมัน หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังที่ดูไม่ยากอย่างที่คิดในทันที

สิ่งที่อยากกล่าวถึงก่อนเป็นอันดับเเรกคือเรื่องพล็อต(plot)ของหนังที่ถ้าดูแบบผ่านๆคุณก็อาจจะคิดว่ามันก็ธรรมดานิไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหนกะอีแค่เรื่องของตัวเอกที่ต้องเข้าไปทำงานในตึกที่มีชั้นอยู่เพียงครึ่งเดียวกับห้องเล็กๆที่เมื่อเข้าไปเเล้วมันจะไปโผล่ในหัวของจอห์น มัลโควิช แต่เอาจริงๆกว่าจะคิดออกมาได้เเบบนี้ผมบอกเลยมันไม่ได้คิดกันง่ายๆอย่างที่คุณคิดหลอกนะ ที่สำคัญถามหน่อยมันจะมีหนังสักกี่เรื่องที่มีเรื่องราวพิลึกกึกกือแบบนี้ แค่อ่านเนี่ยคุณอาจจะยังไม่ค่อยรู้สึกถึงความเจ๋งของมันเท่าไรแต่ถ้าคุณได้ไปเห็นเป็นภาพเต็มๆในหนังได้เห็นวิธีการนำเสนอและการเล่าเรื่องของเขาคุณจะรู้สึกเลยว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ ผมชื่นชมในไอเดียเเละกึ๋นของผู้สร้างจริงว่าเเบบกล้าคิดกล้าทำมากๆ

หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยการสร้างสัญลักษณ์เพื่อใช้ในการตีความและสื่อความหมายอยู่เยอะพอสมควร ซึ่งบางทีมันก็เยอะจนผมรู้สึกว่าหนังมันก็Artเกินไปและมันก็อาจจะทำให้บางคนที่คิดจะเข้ามาดูเพื่อความบันเทิงมึนงงกันไปกับอะไรหลายๆอย่าง แต่สำหรับผมผมชอบนะเพราะมันทำให้ไอเดียหลายๆอย่างที่หนังสร้างขึ้นไม่ได้สร้างมันเพราะแค่อยากให้มันดูเจ๋งรึว่าเท่แต่สร้างขึ้นเพื่อที่จะบอกเล่าอะไรบางอย่างมีการแฝงนัยยะที่ลุ้มลึกเอาไว้มากทีเดียวแถมยังเเอบจิกกัดในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย

ถึงเเม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยพล็อตเรื่องแปลกๆและพยายามจะตีความนู้นนั้นนี่จนคนดูหลายๆคนอาจจะมึนงงกันไป แต่ผมก็ยังมั่นใจว่าทุกๆคนจะสามารถเข้าถึงเเละสนุกกับมันได้ ด้วยความที่หนังมันเต็มไปด้วยความเพี้ยนแบบสุดๆทั้งตัวละครแปลกๆรึเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นมันจะทำให้เราขำจนขี้เเตกแล้วเวลาเราดูไปเราจะรู้สึกสนุกกับหนังได้ง่ายขึ้นเพราะความบ้าบอของมันนั้นเอง พอหนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆตัวบทก็จะมีการพลิกไปพลิกมามากขึ้น(โดยเฉพาะในด้านความสัมพันธ์ของตัวละคร) อารมณ์แบบตอนเเรกตัวละครนั้นคิดเเบบนี้เเต่อยู่ๆก็มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ตัวละครมันคิดไปอีกเเบบนึงและพอมันคิดงั้นเรื่องมันก็จะยิ่งยุ่งเหยิงวุ้นวายมากขึ้น ยิ่งดูคุณจะยิ่งรู้สึกคาดเดาอะไรไม่ได้เเละคุณจะอยากติดตามต่อไปเรื่อยๆ ตลอดการดำเนินเรื่องหนังจะปูทางอะไรหลายๆอย่างเอาไว้แต่จะไม่ได้บอกเราตรงๆว่าอะไรเป็นอะไรให้เราได้คิดตามนิดนึง ดังนั้นถึงแม้ว่าหนังมันจะเพี้ยนเเละพลิกไปพลิกมามากเเค่ไหนเราก็จะไม่รู้สึกว่ามันเลอะเทอะหรือมั่วซั่วเลยเเม้เเต่น้อยเพราะสุดท้ายด้วยรายละเอียดต่างๆที่เขาปูทางมาเมื่อมันมาเชื่อมโยงถึงกันมันจะทำให้เรื่องราวออกมาสมเหตุสมผลและกลมกล่อมมากๆในทันที

มาพูดถึงส่วนที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้กันบ้างนั้นคือความตลกขบขันของหนัง ซึ่งก่อนดูก็ไม่คิดหลอกนะว่ามันจะฮาบ้าบอได้ขนาดนี้ โดยความฮาหลักๆจะมาจากความเพี้ยนของตัวละครกับสถานการณ์บ้าที่ตัวละครต้องทำ เอาง่ายๆลองนึกภาพว่าคุณจะต้องเข้าไปทำงานในบริษัทที่มีเพดานที่ต่ำมากซะจนเวลาคุณยืนหรือเดินไปไหนจะต้องก้มตัวตลอดเวลาดูสิ แค่เห็นมันก็ทำผมฮาสุดๆแล้วอะไหนจะพวกพนักงานในบริษัทที่ชอบพูดจาเเปลกให้ชวนขำอีก แต่ตัวละครที่ทำให้ผมขำท้องเเข็งได้จริงๆคือตัวละครของจอห์น มัลโควิช(ในเรื่องเขาก็เล่นเป็นตัวเองเนี่ยแหละ) คือเป็นตัวละครที่โผล่มากี่ทีก็ทำผมขำได้ตลอดทั้งๆที่ตัวละครนี้ยังไม่ได้ปล่อยมุขอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมไม่อยากบอกอะไรมากไว้คุณลองไปดูกันเองครับเเละคุณเข้าใจว่าทำไมเเค่เห็นหน้าเขาผมก็ฮาเเล้ว ส่วนตัวแล้วผมชอบการแสดงของลุงแกมากๆผมว่าแกเป็นนักแสดงคนนึงที่เหมาะกับบทที่ต้องเล่นเป็นตัวละครที่ดูครึมๆจริงจังแต่ดันต้องมาเจอกับเรื่องเพี้ยนๆจนต้องทำะไรเปิ่นๆบ้าๆออกมา ซึ่งเรื่องนี้มันก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน (ทีแรกก็คิดนะว่าทำไมต้องเป็นจอห์น มัลโควิชมาแสดง แต่พอดูไปถึงได้เข้าใจ ผมว่าไม่น่าจะมีใครแสดงบทแบบนี้เเละออกมาฮาได้เท่าแกอีกแล้วละ)

ในด้านของตัวละครนี่คือหนึ่งในหนังที่ใช้งานตัวละครได้คุ้มจริงๆ แทบทุกตัวละครมีความสำคัญมีเรื่องราวเเละเหตุผลเป็นของตัวเอง ตรงจุดนี้เป็นอีกส่วนที่หนังทำได้ดีเพราะจะช่วยทำให้เราเข้าใจตัวละครมากขึ้นเเละอินกับเรื่องราวของพวกเขามากขึ้นด้วย เช่นตัวละครเครกที่เป็นตัวเอกของเรื่องผมบอกเลยนะตัวละครนี้ไม่ใช่คนดีแต่เพราะมันมีเหตุผลที่น่าเห็นใจเเละเราก็สามารถเข้าถึงได้มันจึงทำให้เราหลงรักตัวละครเเละอยากจะเอาใจช่วย ทั้งๆสิ่งที่มันทำจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรก็ตาม

ปล.ลืมบอกไปจริงๆหนังเรื่องนี้มันให้ความรู้สึกเป็นหนังรักเรื่องนึงอยู่เหมือนกัน อย่างที่ผมบอกไปด้านบนหนังมันเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครเป็นหลัก และความสัมพันธ์ที่มันเล่าก็คือเรื่องของความรักเป็นหลักนั้นเอง