ค้นหาหนัง

Broken Arrow | คู่มหากาฬหั่นนรก

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น
Broken Arrow | คู่มหากาฬหั่นนรก
เรื่องย่อ : Broken Arrow | คู่มหากาฬหั่นนรก

เครื่องบินลำหนึ่งที่บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 2 ลูก ได้ตกลงบนพื้นที่โล่งแถบทะเลทราย หน่วยค้นหาออกปฏิบัติการทันทีที่ได้รับรายงาน แต่เมื่อไปถึงจรวดนิวเคลียร์ทั้ง 2 ลูกได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับนักบินทั้ง 2 นายที่หายไปด้วยเช่นกัน จะเกิดอะไรขึ้นกับหัวรบนิวเคลียร์ จะมีใครนำไปใช้ก่อการร้ายหรือไม่

IMDB : tt0115759

คะแนน : 7



แม้ผลงานเรื่องแรกในฮอลลีวู้ดของ John Woo อย่าง Hard Target จะไม่ค่อยทำเงินสักเท่าไร แต่อย่างน้อยลีลาการบู๊เท่ห์ ยิงแบบสโลว์ ถือปืนสองมือ สไลด์ตัวไปลั่นกระสุน แอ็กชันทั้งหมดที่ Woo พยายามถ่ายทอดมันก็ยังเข้าตาคนดูกลุ่มหนึ่ง รวมถึงผู้สร้างหลายคนก็จับตามองครับเพราะของแบบนี้ถือว่าสดพอสมควรสำหรับฮอลลีวู้ดยุคนั้น อันทำให้เขาได้โอกาสที่ 2 ในการทำหนังสัญชาติอเมริกันเรื่องนี้ครับ

พล็อตครั้งนี้ใหญ่ขึ้น จากคนข้างถนนโดดมาเป็นเรื่องในกองทัพเลยครับ เมื่อวิค เดียกินส์ (John Travolta) นายทหารนายหนึ่งมีแผนโจรกรรมระเบิดนิวเคลียร์ระหว่างการฝึกบิน โดยเขาหมายจะสังหาร ไรลี่ย์ เฮล (Christian Slater) นักบินร่วมก่อนจะล่องหนไปพร้อมกับระเบิด แต่ปัญหาคือไรลี่ย์เองก็ไม่กระจอกครับ มีฝีมือเอาตัวรอดมาได้

จากการปะทะกันของวิคและไรลี่ย์ทำให้เครื่องตกกลางทะเลทราย วิคกับพรรคพวกเลยต้องออกแรงไล่ล่าฆ่าปิดปากไรลี่ย์พร้อมนำระเบิดหนีไปให้ทันตามแผน ส่วนไรลี่ย์เองก็ต้องรับหน้าที่พระเอกหยุดยั้งแผนร้ายครั้งนี้ โดยมีเทอร์รี่ คาร์ไมเคิล (Samantha Mathis) เจ้าหน้าที่อุทยานสาวตกกระไดพลอยโจนมาร่วมหนีตายและสู้กับผู้ร้ายด้วยอีกคน

ว่าตามจริงก็คือหนังลงสูตรสำเร็จน่ะครับ ผู้ร้ายหมายขโมยหัวรบ พระเอกก็ต้องยับยั้ง มีการไล่ล่าผลัดกันเป็นต่อ ก่อนจะลงเอยด้วยการปะทะกันขั้นเด็ดขาดซึ่งก็คงเดาได้ไม่ยากนะครับว่าใครจะอยู่ใครจะไป

ตัวหนังนั้นถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ เพลินพอประมาณแต่ยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมเจ๋งแจ๋วเท่าผลงานเก่าๆ ของ Woo อย่าง โหด เลว ดี หรือ ทะลักจุดแตก จุดเด่นของเรื่องคงต้องยกให้การพลิกมาแสดงบทร้ายของ Travolta ที่ตอนแรกทีมงานเปิดโอกาสให้เขาเลือกเลยครับว่าจะแสดงเป็นใครก็ได้ระหว่างไรลี่ย์กับวิค และเขาก็เลือกวิคซึ่งเป็นตัวร้ายครับ พี่แกก็เล่นได้เนียนจริงๆ ดูเก๋า ร้ายกาจ หลงตัวเอง ซึ่งตอนแกแสดงคงสนุกน่าดูล่ะครับ ได้ยวนได้กวนเต็มคราบขนาดนั้น แล้วยังได้บทพูดคมๆ ร้ายๆ หลายรอบตลอดเรื่องเลยครับ

ส่วน Slater ก็ถือว่าเหมาะกับบทไรลี่ย์ในระดับหนึ่ง เพราะเขาดูเก๋าน้อยกว่าวิคแต่ก็มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้ออยู่ในแววตา

หนังยังมีลายเซ็นต์สไตล์ Woo อยู่ครับ ทั้งเรื่องมิตรภาพลูกผู้ชายที่แม้จะไม่เข้มข้นแต่ก็มีประปราย อย่างวิคกับไรลี่ย์ที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู แม้จะห่ำหั่นกันแต่ก็มีบางจุดที่นับถือให้เกียรติกัน บางครั้งก็รู้เท่าทันเกมกัน แต่ก็ยอมรับอย่างครับว่าประเด็นนี้ยังเขย่าไม่ลงตัวสำหรับหนังเรื่องนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะ Woo พยายามใส่ประเด็นนี้ลงไปแล้วทางผู้สร้างไม่ยอม ประมาณว่าหั่นฉากทำนองนั้นออกแล้วเติมแอ็กชันลงไปแทน หรือ Woo ใส่มันลงไปน้อยจริงๆ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่โดยสรุปแล้วประเด็นมิตรภาพลูกผู้ชายนี้ยังดีได้อีกครับ

ลายเซ็นต์อื่นๆ ก็คือลีลาแอ็กชันที่มีสโลว์ตามสูตร ถือปืนสองมือยิงกัน การสนทนากันโดยไม่เห็นหน้ากันระหว่างสองตัวเอง โต้คารมกันไปมา หรือรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้นึกถึงหนังบู๊จีน อย่างการที่พระเอกนางเอกไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวกันจนหนังใกล้จบโน่น หรือประโยคกวนๆ ที่วิคพึมพำว่าเขาไม่เคยฆ่าคนแบบต่อหน้ามาก่อน ลีลาอะไรแบบนี้ก็ชวนให้นึกถึงหนังจีนเก่าๆ ของ Woo เขาเหมือนกัน

อย่างที่บอกครับ หนังดูได้เพลินๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสนุกเต็มพิกัด Woo ก็ยังฉายความเป็น Woo ได้ไม่เต็มที่ ถ่ายทอดออกมาแค่ในระดับหนึ่ง ก็คงเพราะไม่อยากจัดเต็มปล่อยหนักแบบ Hard Target ที่คนดูบางส่วนเหวอไปเลยก็มี เรียกว่าเป็นหนังทดลองปรับสไตล์ตนเองให้เข้ากับหนังแอ็กชันแบบฮอลลีวู้ดก็คงได้ อะไรที่ไม่แน่ใจก็ไม่ใส่ลงมา อะไรที่แม่นแล้วก็ใส่ลงไป

ส่วนจุดที่ถือว่ายังดีไม่เต็มที่ก็คงเป็นเรื่องบทที่จริงๆ มันก็เดิมๆ น่ะครับ ยังมีช่วงอืดช่วงช้าบ้าง การเดินเรื่องยังไม่เร้าใจนัก ความตื่นเต้นก็มีเป็นพักๆ ยังไม่จุใจพอ แต่ก็ยังดีครับที่ Travolta แกโผล่มาสร้างสีสันให้หนังได้เป็นช่วงๆ

สรุปว่าเป็นหนังแอ็กชันที่ดูได้ครับ อาจไม่มันส์ระเบิดแต่ก็สนุกพอตัว และมีความเป็น Woo ผสมแบบจางๆ พอได้กลิ่นแต่ยังไม่ถึงรส