ค้นหาหนัง

Cellular สัญญาณเป็น สัญญาณตาย

Cellular  สัญญาณเป็น สัญญาณตาย
เรื่องย่อ : Cellular สัญญาณเป็น สัญญาณตาย

เจสซิก้า มาร์ติน(Kim Basinger)อาจารย์สอนวิทยาศาสตร์มีชีวิตที่ผาสุขกับการส่งลูกขึ้นโรงเรียน แต่ในวันนี้สถานการณ์ต้องเปลี่ยนไปเมื่อมีชายน่าสงสัยได้บุกเข้าบ้านและได้ลักพาตัวแบบไม่รู้สาเหตุว่าคืออะไร และเรียกร้องให้บอกว่าสามีของเธออยู่ที่ไหน หนทางเดียวของเธอคือการขอความช่วยเหลือจากการประกอบโทรศัพท์บ้านที่พังให้ใช้งานได้เพื่อหวังว่าจะสามารถให้ใครได้รู้และช่วยเหลือ ซึ่งเธอได้สุ่มหมายเลขโทรไปติดไรอัน(Chris Evans)และนั้นทำให้เขาต้องประหลาดใจและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่แน่ชัดว่าคือเรื่องจริงหรือลวง แต่ด้วยความอยากช่วยเหลือทำให้ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาอย่างสุดชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเจสซิก้าก่อนที่บางอย่างจะจบลงด้วยความเลวร้าย

IMDB : tt0337921

คะแนน : 7



ไรอัน (Chris Evans) จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์ลึกลับจากผู้หญิงคนหนึ่ง เธออ้างตัวว่าชื่อ เจสสิก้า มาร์ติน (Kim Basinger) พร้อมเล่าว่าเธอถูกลักพาตัวมา ซึ่งเป็นไปได้ว่าคนที่จับเธอมานั้นต้องการทำร้ายเธอรวมถึงทำร้ายสามีและลูกของเธอด้วย

ตอนแรกไรอันก็คิดว่าคงแค่โทรมาอำกัน แต่พอเขาลองสังเกตเงื่อนงำต่างๆ ก็ชักจะรู้สึกว่าเจสสิก้าพูดความจริง เขาเลยต้องลงมือพลิกเมืองเพื่อช่วยเธอออกมาและหาทางขัดขวางแผนของคนร้ายให้ได้

ถือเป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ เลยครับ กำกับโดย David R. Ellis ผู้ล่วงลับ ขานี้ถือว่าทำหนังแนวระทึกขวัญหรือสยองขวัญได้น่าพอใจ อาจไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมมากมายแต่ก็ดูเอาบันเทิงได้สบายๆ อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกันครับ ดูแล้วก็ลุ้นระทึกใช้ได้ แต่ก็มีจังหวะอืดช้าไปบ้าง กระนั้นถ้าดูโดยรวมผมว่าโอเคเลยล่ะครับสำหรับหนังแนวนี้

ดาราในเรื่องก็ร่วมกันสร้างความน่าติดตามให้กับหนังได้ดีครับ นอกจาก Evans และ Basinger แล้วก็ยังมี Jason Statham, William H. Macy และ Jessica Biel

และคนเขียนบทหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครครับ เขาคือ Larry Cohen เจ้าเดียวกับที่เขียนบท Phone Booth นั่นแหละ โดยเขาเขียนบทเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยเจตนาที่จะให้เรื่องนี้เป็นขั้วตรงข้ามของ Phone Booth ที่เรื่องนั้นตัวเอกจะถูกกักอยู่ในตู้ ไม่สามารถออกไปไหนได้ ในขณะที่เรื่องนี้ตัวเอกแม้จะติดอยู่กับโทรศัพท์เหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าต้องวิ่งพล่านทั่วเมือง

เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ต้องสาธยายยาวครับ เพราะถ้าคุณอ่านพล็อตแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ รู้สึกกระหายใคร่ดู หนังเรื่องนี้ก็น่าจะเหมาะสำหรับคุณครับ แต่ถ้าอ่านแล้วเฉยๆ หรือดูหนังสไตล์นี้มานานจนไม่สนใจอีก หนังเรื่องนี้ก็คงขึ้นทำเนียบ “ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้” หรือ “ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป” สำหรับคุณเหมือนกัน

ส่วนผมดูเอาเพลิน เอาตื่นเต้น ก็ได้ตามที่ใจคิดคาดหมายพอดี