ค้นหาหนัง

Conspiracy Theory | ล่าทฤษฎีมหากาฬ

Conspiracy Theory | ล่าทฤษฎีมหากาฬ
เรื่องย่อ : Conspiracy Theory | ล่าทฤษฎีมหากาฬ

เจอร์รี่ เฟล็ตเชอร์ (เมล กิ๊บสัน) คนขับแท็กซี่ในนิวยอร์ค มีพฤติกรรมประหลาดคือเขามักจะหมกมุ่นอยู่กับทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ และเขายังได้เผยแพร่ทฤษฎีของเขาไปยังผู้รับอีกห้าคนให้ได้อ่านกัน ทฤษฎีของเขานั้นมีครอบคลุมแทบจะทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องของยูเอฟโอ , เอเลี่ยน ไปจนถึงแผนการณ์ลอบสังหารทางการเมืองของรัฐบาลฯ เขาทำอย่างนี้อย่างต่อเนื่อง แต่แล้ววันหนึ่งที่เจอร์รี่ย์ก็เริ่มรู้ตัวว่า มี ทฤษฎีอยู่เรื่องหนึ่งที่กลายเป็นจริง แต่มันเรื่องไหนกันล่ะ? เจอร์รี่เริ่มถูกตามล่าโดยกลุ่มคนลึกลับที่หมายเอาชีวิตของเขาเพื่อปกป้องความลับบางอย่างของพวกมัน เมื่อเจอร์รี่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย มีเพียงคนเดียวที่เชื่อใจเขาได้ซึ่งก็คือ อลิส ซัทตัน (จูเลีย โรเบิร์ตส์) หญิงสาวที่เขาหลงรักผู้ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐ และเจอร์รี่ยังคอยเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ โดยที่เธอไม่เคยรู้ตัวเลย

IMDB : tt0118883

คะแนน : 6



นอกเหนือจากการขับแท็กซี่ อีกหนึ่งงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบก็คือการเอาทฤษฎีที่ตนปะติดปะต่อมาเขียนบทความส่งตามสำนึกพิมพ์ต่างๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหาย เพราะกลายเป็นว่าหนึ่งในทฤษฎีที่เขาคิดนั้นเกิดเป็นจริงขึ้นมา และทำให้เขาต้องถูกองค์กรลับตามล่า ปัญหาก็คือเขาเองก็ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง ได้แต่ต้องเอาชีวิตรอดจากภัยอันตราย โดยคนเดียวที่เขาเชื่อใจคืออัยการสาวที่เขาตกหลุมรัก และมักจะคอยตามติดชีวิตเธออยู่ห่างๆ โดยทั้งสองต้องช่วยเหลือกันค้นหาความจริงเบื้องหลังองค์กร และหาคำตอบให้ได้ว่าทฤษฎีสมคบคิดนั้นคืออะไรกันแน่

ฟังดูเหมือนยิ่งใหญ่อลังการแต่จริงๆแล้ว Conspiracy Theory ออกมาในทรงหนังทริลเลอร์ไล่ล่าเสียมากกว่า ด้วยใช้เสน่ห์ของตัวละครที่ซับซ้อนมาขับเคลื่อนเรื่อง ทั้งตัวของพระเอก (เมล กิ๊บสัน) รวมถึงความสัมพันธ์ของเขากับอัยการสาว (จูเลีย โรเบิร์ต) ที่ทำไปทำมากลายเป็นหนังโรแมนติกเฉยเลย ซึ่งหนังดันเล่าออกมาดี และมีท่าทีจริงจังด้วย โดยเรื่องจะค่อยๆเฉลยทีจะส่วน ผ่านการประกอบจิ๊กซอว์ทีละชิ้นของตัวละคร ก่อนจะเฉลยความจริงในตอนท้าย (ที่ก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่) ส่วนตัวรู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้หนังไปกับเราได้จนจบกลับเป็นการแสดง และโจ๊กต่างๆที่อยู่ตามเรื่อง ความสติแตกสุดขั้วของ เมล กิ๊บสัน ทั้งตลก และน่าสงสาร ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือผลผลิตของสังคมที่ทำให้คนตกอยู่ในความหวาดกลัว (อารมณ์ Fake News ในทุกวันนี้ได้เช่นกัน)

รู้สึกว่าหนังยาวไปพอสมควร ซึ่งเกิดมาจากความยุ่งเหยิงระหว่างทางที่สุดท้ายหนังต้องมาแจกแจงอธิบายให้คนดูเข้าใจ เราชอบแก่นสำคัญของหนังที่พูดถึงเบื้องหลังโปรเจ็กต์ลับ การสะสางลบล้างความผิด แต่เราไม่ค่อยชอบวิธีการเฉลยเท่าไหร่ ทั้งนี้ เรากลับชอบเสน่ห์ของความสัมพันธ์สองตัวละครหลัก ที่เริ่มเรื่องด้วยความเป็นหนังคู่หู และปิดท้ายด้วยการเป็นหนังรักแบบเอาตัวรอดได้ อาจจะต้องชมเสน่ห์ของสองนักแสดงด้วย โดยเฉพาะ เมล กิ๊บสัน ที่เล่นเป็นคนบ้าได้น่าเอ็นดูดี (แต่ถ้าเจอคนแบบนี้จริงๆ อาจจะกลัว 555) 

จริงๆก็ไม่รู้จะพูดถึงหนังส่วนไหนเหมือนกัน เพราะกลัวจะสปอยล์ แต่ถ้าใครอยากดูหนังแอ็คชั่นไล่ล่าเพลินๆ Conspiracy Theory ก็พอจะตอบโจทย์ได้บ้าง เพียงแต่ถ้าเทียบกับหนังทรงเดียวกันในยุคนั้น ค่อนข้างออกมาธรรมดาพอสมควร ส่วนตัวดูแล้วนึกถึง Enemy of the State (1998) ของ โทนี่ สก็อตต์ ซึ่งพูดถึงโลกยุคใหม่ การถูกไล่ล่าจากรัฐเหมือนๆกัน แต่ทำออกมาเข้มข้น สนุก และปฏิเสธไม่ได้ว่ายังร่วมสมัยอยู่ กระนั้น ใครสนใจตามไปดูกันได้ที่ Netflix ครับ