IMDB : tt0112864
คะแนน : 8
บอกตรงๆ ว่าพอคว้าหนังชุด Die Hard มาดูต่อกัน 3 ภาครวดแล้วมันเหนื่อยยังไงก็ไม่ทราบนะครับ ยิ่งดูภาคนี้นี่เหนื่อยโคตรๆ เพราะคราวนี้พี่จอห์น แมคเคลน (Bruce Willis) แกไม่ได้พักเลยน่ะฮะ วิ่งทั่วนิวยอร์คจนสงสัยว่าพี่แกไปอัดยาบ้ามารึเปล่า ถึงได้คึกเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้
คราวนี้จอห์นต้องเผชิญกับศัตรูคนใหม่ นามว่า ไซม่อน (Jeremy Irons) ชายลึกลับผู้มีความแค้นบางอย่างกับจอห์น ไอ้หมอนี่ก็เล่นเกม “ไซม่อนว่า” (Simon Says) สั่งให้จอห์นทำตามครับ ไม่งั้นจะระเบิดตามสถานที่สำคัญๆ ของเมือง จอห์นก้เลยต้องวิ่งพล่าน โดยงานนี้ได้คู่หูแบบไม่ตั้งใจอย่าง ซุส คาร์เวอร์ (Samuel L. Jackson) ชายผิวดำจอมโวยวาย และขณะเดียวกันเขาก็ต้องตามล่าหาความจริงด้วยว่าไซม่อนคนนี้เป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่
อย่างที่บอกครับ ภาคนี้เหนื่อยโคตร สภาพจอห์น แม็คเคลนนี่โทรมสุดๆ ครับ แล้วต้องวิ่งทั่วเมือง ทั้งฝ่าดงกระสุน ฝ่าระเบิด ฝ่ารถติด รถไฟใต้ดิน แล้วก็อุโมงค์ที่มีน้ำทะลักอีก โอย เชื่อแล้วครับว่าพี่ตายยาก คือถ้าเป็นคนทั่วไปเจอแบบนี้คงเสียชีวิตตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วล่ะครับ
ที่ว่าแบบนี้รับรู้ได้เลยนะครับ ว่าหนังมันส์ตลอดทั้งเรื่อง มีฉากเสี่ยงตายเพียบ ระเบิดมากมาย ซึ่งหนังทำได้มันส์กว่าภาค 2 คือ จริงๆ ภาค 2 ก็มันส์ครับ แต่กับภาคนี้มันจะคล้ายภาคสองตรงที่ว่ามันวิ่งพล่านเหมือนกัน และผู้ร้ายก็มาพร้อมแผนลับเบื้องหลังเหมือนกัน และฉากถล่มข้าวของก็เยอะด้วย แต่จะเหนือกว่าภาคสองตรงที่บทมันเข้มและมีความกดดันมากกว่า
Bruce Willis แกลอยลำแล้วครับ เล่นไปตามเรื่อง คราวนี้เพิ่มลูกบ้าเข้ามาอีกเยอะ ส่วนตัวร้ายที่รับบทโดย Jeremy Irons ก็มาพร้อมสำเนียงที่โดดเด่นอยู่ครับ เพียงแต่ผมชอบตัวเลือกแรกมากกว่า เพราะเขาจะให้ David Thewlis (คนที่เล่นเป็นศจ.ลูปิน ใน Harry Potter And The Prisoner of Azkaban) เล่น และผมว่าพี่แกน่าจะไปกับบทได้ดีกว่า เพราะ Thewlis จะดูเป็นคนมีมาดมากกว่าน่ะครับ และบทนี้ผมว่าสำคัญทีเดียวล่ะ เรื่องมาดเนี่ย (แต่บอกสาเหตุไม่ได้ครับ มันสปอยล์ เอาเป็นว่าถ้าดูแล้วคงเข้าใจน่ะ ว่าวายร้ายควรมีมาด และหน้าตาของ Thewlis จะเหมาะกว่าด้วย) แต่ถึงอย่างไรก็ดี Irons ก็เล่นได้โอเคล่ะครับ
และสำหรับ Samuel L. Jackson ดารายอดฝีมืออีกคน แม้จะเล่นได้ฮาดี แต่ไปๆ มาๆ ผมว่าแกกลายเป็นตัวแบ่งความเด่นของจอห์นไปเยอะเลย เพราะตามปกติแล้ว หนังชุด Die Hard มันคืออะไรที่จอห์น แม็คเคลนจะลุยแบบเดี่ยวๆ มากกว่า หรือต่อให้มีคนช่วยก็แค่ส่วนสมทบ ไม่ได้ตีคู่กับจอห์นไปตลอดแบบนี้ ดังนั้นการเพิ่มตัวละครนี้ลงไปก็เลยทำให้ความเด่นของจอห์นโดนลดไปเยอะครับ มันก็เป็นอะไรที่แหม่งๆ อยู่หน่อยน่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายหรอกครับ แค่รู้สึกตะหงิดๆ
John McTiernan ผู้กำกับจากภาคแรก ยังคงแสดงฝีมือได้อย่างดีครับ หนังออกมามันส์และเข้มข้น น่าติดตามตลอด ดูแล้วเหนื่อยน่ะ แต่ผมว่าหนังมันจะมาแปลกๆ ไปตรงช่วงท้ายที่หนังเดินเรื่องฉับไวไปหน่อยจนคนดูอาจมึนได้
ตอนจบของหนังมันดูห้วนๆ นะครับ เหมือนจู่ๆ ก็รีบๆ จบยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งจริงๆ แล้วหนังมีตอนจบอีกแบบครับ ซึ่งจะมีการชิงไหวชิงพริบระหว่างจอห์นกับไซม่อนมากกว่านี้ แต่เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาจบแบบในหนังแทน คงกลัวหนังยาวเกินไปมั้งครับ เพราะแค่นี้ก็ 2 ชั่วโมง 10 นาทีกว่าๆ แล้ว
ก็ยังคงมันส์ตามสไตล์ Die Hard ครับ