ค้นหาหนัง

Die Hard ดาย ฮาร์ด นรกระฟ้า

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น
Die Hard ดาย ฮาร์ด นรกระฟ้า
เรื่องย่อ : Die Hard ดาย ฮาร์ด นรกระฟ้า

จอห์น แม็กเคลน นายตำรวจจากนิวยอร์กเดินทางมาลอส แอนเจลิสร่วมงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของภรรยาที่แยกกันอยู่ที่ตึกนาคาโตมิพลาซ่าที่มีความสูงกว่า 35 ชั้น ระหว่างนั้นเอง ฮานซ์ กรูเบอร์ ได้นำกองกำลังติดอาวุธเข้าบุกยึดตึกและจับคนในงานเลี้ยงเป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับเจ้าของบริษัทเอาเงินค่าไถ่จำนวน 640 ล้านยูเอสดอลล่าห์จากเซฟที่มีการป้องกันสูง แต่เมื่อเจ้าของบริษัทไม่ยอมบอกเขาจึงถูกกำจัดทิ้ง ทางผู้ก่อการร้ายใช้เครื่องเจาะเซฟซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร จอห์น แม็กเคลน เห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะช่วยเหลือภรรยาและตัวประกันคนอื่น ๆ ให้พ้นจากวิกฤตบนนรกระฟ้าแห่งนี้ เขาจะกู้สถานการณ์ได้หรือไม่พบคำตอบได้ใน Die Hard ดาย ฮาร์ด นรกระฟ้า

IMDB : tt0095016

คะแนน : 8



นี่ถือเป็นหนังแอ๊คชั่นชั้นดีนะครับ ทำได้อย่างยอดเยี่ยมลงตัวมาก มีทั้งฉากบู๊ฉากยิงกัน ฉากระเบิดทำลายข้าวของก็เพียบไปหมดเหมือนกัน และขณะเดียวกัน ส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสนุกก็คือการมีวายร้ายที่ชาญฉลาด ซ้ำยังมาในมาดผู้ดีอีกด้วยครับ ซึ่ง Rickman เล่นบทนี้ได้อย่างสุดยอด

เช่นเดียวกับพระเอกครับ ที่มีหัวสมองเหมือนกัน และแน่นอนว่าเรื่องนี้แจ้งเกิดให้ Willis แบบเต็มๆ ซึ่งพี่แกก็ฉลาดพอๆ กับผู้ร้ายนั่นแหละคัรบ แต่จะมีลูกบ้ามากหน่อย ความสนุกจึงเพียบไปหมด เพราะเขาต้องต่อกรกับพวกลูกน้องที่เอาแต่ยิงด้วย แล้วก็ต้องคอยรับมือกับแผนการของเจ้าฮานส์ด้วย ก็เรียกว่ามันส์ตลอดเลยล่ะครับ

หนังสร้างจากนิยายของ Roderick Thorp นะครับ เรื่อง Nothing Lasts Forever ซึ่งดัดแปลงเป็นหนังได้อย่างเยี่ยม เพราะสนุกและมันส์มากๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็นมาตรฐานสำหรับหนังแอ๊คชั่นในยุคต่อมาเลยนะครับ ประเภทพระเอกคนเก่ง ต้องไปอยู่ในสถานการณ์ผิดที่และผิดเวลา แล้วก็ต้องคอยไล่ปราบผู้ร้าย ช่วยผู้บริสุทธิ์ ซึ่งสูตรนี้ได้ผลเสมอมา แต่กับเรื่องนี้มันยิ่งกว่าได้ผลครับ มันเข้าข่ายสุดยอดเลยล่ะ

ฉากหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมากคือตอนที่ฮานส์ (ซึ่งพูดสำเนียงเยอรมันตลอด) มาเจอกับจอห์นโดยบังเอิญ ทีนี้พอฮานส์รู้ตัวว่าจอห์นคือนายตำรวจที่ขัดขวางเขามาตลอด พี่แกเลยแกล้งปลอมสำเนียงพูดเป็นอเมริกันทันที เพื่อไม่ให้จอห์นจำได้ อันทำให้ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ ซึ่งถือเป็นอะไรที่เฉียบและสดมากครับ คิดดูผู้ร้ายกับพระเอกนั่งคุยกันน่ะครับ แล้วดูไปก็ลุ้นไปว่าฮานส์มันจะเล่นไม่ซื่อตอนไหนวะ (เพราะมันต้องหาทางฆ่าพระเอกอยู่แล้วแน่ๆ) ไหนจะต้องลุ้นว่าพระเอกจะรู้มั้ยว่าไอ้นี่ผู้ร้ายนะโว้ย

จริงๆ แล้วฉากนี้ไม่มีในสคริปเดิมหรอกครับ แต่ทีมเขียนบทใส่เข้าไปใหม่ เพราะระหว่างการถ่ายทำตอนพักน่ะนะครับ Alan Rickman แกเกิดนึกสนุกเลยพูดเลียนเสียงด้วยสำเนียงอเมริกันขึ้นมา พอคนเขียนบทได้ยินก็เลยถามว่า “อ้าว คุณพูดสำเนียงอเมริกันได้เหรอ” Rickman ก็ตอบว่า “ใช่สิครับ” แค่นั่นล่ะครับ ฉากที่ว่านี่ก็โดนใส่ลงมาทันที

เจ๋งนะครับผมว่า คนเขียนบทมันต้องหัวไวแบบเนี้ยแหละ

บทจอห์น แม็คเคลนนี้ ตอนแรกนะครับ คนที่อยู่ในลิสต์ก็มี Arnold Schwarzenegger, Sylvester Stallone, Burt Reynolds และ Richard Gere ครับ นี่ว่ากันตามลำดับเลยนะครับ ซึ่งทีมงานก็ติดต่อแต่ละคนไล่กันมา ซึ่งแต่ละคนก็ปฏิเสธไล่กันมาเช่นกัน จนมาถึง Willis นี่แหละ ซึ่งถือเป็นโชคจริงๆ ครับ

แต่ก็อดคิดไม่ได้นะ ขืนบทนี้พี่สไลแกได้ไปจะเป็นยังไง เพราะมันต้องมีช่วงที่จอห์นสื่อสารกับคนข้างนอกด้วยวิทยุสื่อสารน่ะฮะ … แล้วอีกฟากจะฟังพี่สไลแกพูดรู้เรื่องไหมวะเนี่ย โคตรจะอู้อี้ๆ ขนาดนั้น  (ขำส่วนตัวครับอันนี้)

ตัวละครอีกรายที่เล่นแทบจะคู่กับจอห์นเลยก็คือ อัล พาวเวลล์ (Reginald VelJohnson) นายตำรวจแอล.เอ ที่เผอิญผ่านมาตรวจตราตึกนากาโตมิพอดี แล้วก็เจอกระสุนสาดใส่กระโปรงหน้ารถจนเหวอไปเลย (เป็นผมก็คงวิ่งหลบไปตั้งหลักไกลๆ เลยล่ะครับ) แล้วไปๆ มาๆ เขากับจอห์นก็ซี้กันไปเลยครับ เพราะมีการพูดคุยผ่านทางวิทยุ ซึ่งบทหนังก็ฉลาดอีกแล้วครับที่ให้จอห์นได้เล่าเรื่องชีวิตผ่านทางวิทยุเนี่ย

และอีก 2 คนที่ต้องพูดถึง คนแรกคือ อาไจล์ครับ (De’voreaux White) เด็กผิวดำที่ขับรถมารับมาส่งจอห์นครับ พี่แกเพิ่มเสียงฮาได้ดีมากทีเดียว เอาแค่ตอนต้นเรื่อง เพลงที่แกเปิดเป็นเพลงแร็พน่ะครับ แต่ปากดันบอกว่า “ต้องนี่เลยเพ่ นี่แหละเพลงคริสต์มาสล่ะ” เออ บ้ากันดีครับ

คนที่สองคือ William Atherton ครับ ในบทริชาร์ด ธอร์นเบิร์ก นักข่าวจอมยุ่งที่ทำให้ครอบครัวจอห์นต้องตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น อันนี้ด่านักข่าวเต็มๆ ครับ ไอ้พวกที่ชอบเจือกขุดคุยข่าวแบบไม่ดูน่ะนะครับ ไอ้ที่พี่แกโดนไปตอนท้ายนั่นสมควรแล้วจริงๆ
กล่าวคือหนังมันน่าติดตามเรื่อยๆ เลยครับ ช่วงต้นอาจจะช้านิดหน่อย แต่พอผู้ร้ายโผล่เท่านั้นแหละ กระสุนปลิวว่อน ตามด้วยการชิงไหวชิงพริบ การช่วยตัวประกัน แล้วก็การแก้เกมที่ผู้ร้ายวางหมากไว้ แล้วก็มีการผ่อนโดยให้จอห์นมานั่งคุยปูมหลังกับอัล

ซึ่งไอ้การมานั่งคุยกันนี่ มันดูไม่เลอะเทอะแต่อย่างใดครับ ไม่ใช่ว่าเขายิงกันจะตายแล้วมานั่งคุยกันนะครับ มันเหมือนกับจอห์นก็เป็นคนน่ะ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้หรือไม่ พอพวกผู้ร้ายนิ่งไม่เคลื่อนไหว เขาก็คุยเหมือนปรับทุกข์กับอัลครับ เหมือนกับไม่รู้ว่าตัวเองจะได้นั่งคุยอีกนานมั้ย และอัลกับจอห์นก็ยังเข้าใจกันมากๆ ด้วย เจอเพื่อนแบบนี้ก่อนตายก็คุ้มล่ะครับ

ด้วยอะไรทั้งหลายนี้ทำให้ตัวละครอย่างจอห์นนี้มีมิติและความลึกครับ ไม่ใช่โคตรฮีโร่ไม่มีวันตาย … เออ ใช่ พูดถึงตรงนี้ก็ด้วยครับ เพราะมันมีหลายรอบที่พี่แกเกือบตายเอาน่ะ มีพลาดมีพลั้ง มีเลือดออกเหมือนกัน ความลุ้นก็เลยเพิ่มดีกรีขึ้นไปอีกโขเลยล่ะครับ ยิ่งช่วงท้ายกว่าจะเล่นงานฮานส์ได้ สภาพแกก็ยังกับผ้าขี้ริ้วเก่าๆ แน่ะ

และที่ลืมไม่ได้คือดนตรีเร้าใจชั้นยอดของ Michael Kamen ครับ รายนี้ฝีมือเฉียบมากจริงๆ

สรุปอย่างสบายๆ ก็คือ หนังเรื่องนี้เป็นโคตรแอ๊คชั่นที่คุณจะพลาดไม่ได้เด็ดขาดครับ ถึงและยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้าน จะเอามันส์ เอากดดัน เอาลุ้นหรืออารมณ์ขัน ครบถ้วนจริงๆ