ค้นหาหนัง

Elizabeth: The Golden Age | อลิซาเบธ ราชินีบัลลังก์ทอง

Elizabeth: The Golden Age | อลิซาเบธ ราชินีบัลลังก์ทอง
เรื่องย่อ : Elizabeth: The Golden Age | อลิซาเบธ ราชินีบัลลังก์ทอง

อลิซาเบธ ราชินีบัลลังก์เลือด ชื่อภาษาไทยของภาพยนตร์เรื่อง Elizabeth นำแสดงโดย เคท บลานเชทท์, โจเซฟ ไฟนส์, เจฟฟรีย์ รัช, คริสโตเฟอร์ แอคเคลสตัน ร่วมด้วย ริชาร์ด แอทเทนบอรอจ และ อีริค คันโตนา (นักแสดงรับเชิญ) กำกับการแสดงโดย เชคการ์ คาปูร์ เจ้าหญิงอลิซาเบธ (เคท บลานเชทท์) เจ้าหญิงนอกสมรส พระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับสมเด็จพระราชินีแอนน์ โบลีน ซึ่งไม่ได้การยอมรับให้อยู่ราชสมบัติ จนกระทั่งสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 หรือ แมรี่ผู้กระหายเลือด (Bloody Mary) พระเชษฐภคินีต่างพระมารดาได้สวรรคตลง พระนางจึงได้ขึ้นครองราชย์ ท่ามกลางความขัดแย้งต่าง ๆ มากมายทั้งการเมืองและการศาสนา บรรดาอำมาตย์ ขุนนางต่างแตกแยกกัน โดยเฉพาะ โธมัส โฮเวิร์ด ที่ 4, ดยุก แห่งนอร์ทฟอร์ค (คริสโตเฟอร์ แอคเคลสตัน) แสดงการต่อต้านพระนางอย่างชัดเจนที่สุด แต่พระนางก็ได้ วิลเลี่ยม เซซิล ที่ 1, บารอน เบิร์กเลย์ (ริชาร์ด แอทเทนบอรอจ) คอยให้การสนับสนุน เมื่อพระนางขึ้นครองราชย์ มีราชทูตจากนานาประเทศมากมายเดินทางเจริญสัมพันธไมตรี ด้วยหวังว่าพระนางจะอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์ของตน แต่พระนางมีชายคนรักอยู่แล้ว เป็นขุนนางชื่อ โรเบิร์ต ดัดลี่ ที่ 1 เอิร์ลแห่งเลสเตอร์ (โจเซฟ ไฟนส์) แต่ด้วยหน้าที่และบรรดาศักดิ์ พระนางไม่อาจจะรักกับเขาได้อย่างเปิดเผย ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีการวางลอบปลงพระชนม์ด้วยวิธีการวางยา และเหล่าผู้ที่ภักดีต้องบุกจับเหล่าคนที่คิดร้ายสังหารทิ้ง เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ อลิซาเบธ เจ้าหญิงผู้ไร้เดียงสาเข้มแข็งขึ้นมาในฐานะพระราชินีแห่งอังกฤษ และพระนางก็ไม่รับรักจากชายคนไหนอีกเลย ไม่ได้อภิเษกสมรสตลอดทั้งพระชนชีพ จนได้ฉายาว่า ราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์ (The Virgin Queen) และต่อมาพระนางได้กลายเป็นสมเด็จพระราชินีที่ยิ่งใหญ่ แผ่อาณาเขตจักรวรรดิอังกฤษให้กว้างไกลออกไป

IMDB : tt0414055

คะแนน : 7



ในปี 1585 ราชินีอลิซาเบธที่ 1 ปกครองประเทศอังกฤษมาเกือบ 30 ปี หลังจากขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ราชินีอลิซาเบธ ได้พบกันทรยศและการแย่งชิงราชบัลลังก์จากเหล่าพระญาติ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องศาสนาและการเมืองใน ปลายยุคศตวรรษที่ 16 ของยุโรป โดยเฉพาะ กษัตริย์ฟิลิปที่สองแห่งสเปน ผู้ทรงอำนาจทั้งกองกำลังทางบกและทางเรือโดยมีเป้าหมายให้อังกฤษเปลี่ยนมานับถือคาธอลิก

ราชินีอลิซาเบธ ต้องแบ่งหน้าที่ระหว่างการบริหารงานภายในและการศึกภายนอก ราชินีได้พบกับกัปตันเรือเดินสมุทรผู้นำข้อมูลของข้าศึกมาทูลกับพระองค์ และเกิดความรู้สึกในตัว เซอร์ วอลเตอร์ ราเลจห์ นักสำรวจผู้เก่งกาจและชาญฉลาด แต่นั่นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับราชินีผู้ให้คำสัญญาที่จะอุทิศทั้งร่างกายและวิญญาณเพื่อแผ่นดิน พระองค์จึงให้สาวใช้คนสนิท เบสส์ คอยดูแล เซอร์ วอลเตอร์ เพื่อให้เขาได้อยู่ในสายตาของพระองค์ แต่ทั้งคู่ต่างเริ่มมีสัมพันธ์ที่มากขึ้น  

นอกจากนี้ เซอร์ ฟรานซิส วอลซิ่งแฮม ที่ปรึกษาที่ราชินีไว้ใจยังคงทำงานให้กับราชินี ดำเนินงานค้นหาผู้บงการแผนลอบสังหารพระราชินีและสาผู้บงการ แมรี่ สจ๊วร์ต พระญาติของราชินี

เป็นการกลับมารับบทเดิมที่ส่งให้เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงหญิงประเภทภาพยนตร์ดราม่า และ รางวัล BAFTA ในฐานะดารานำหญิงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชิคาโก และ สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์โตรอนโต

เข้าเรื่องเลยดีกว่า...การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ถือว่าได้ได้ดี น่าติดตาม แม้จะมีช่วงกลางๆเรื่องที่ก็น่าเบื่อไปบ้าง แต่โดยรวมเรื่องนี้ถือเป็นหนังที่ดูสนุกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ส่วนที่เด่นนอกจากการแสดงของ เคต เบลนเช็ตต์ และดาราอื่น (แอบบี้ คอร์นิช ดูสดใสและทำอารมณ์ต่างๆได้ค่อนข้างดีเลย /ไคล์ฟ โอเว่น ดูเถื่อนๆแต่ก็ยังดูดีกับมาดโจรสลัด) แล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องของเครื่องแต่งกายต่างๆในหนังซึ่งดู อลังการมากๆ บอกกับการคุมโทน และกำกับศิลป์ ของหนังที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่พอตัว ยังไม่นับฉากสวยๆในหนังที่มีให้เห็นเป็นช่วงๆ

รวมทั้งฉากทัพอาร์มาด้า เรื่องคือ พวกนักสำรวจทะเลชาวอังกฤษ จะเรียกโจรสลัดก็ว่าได้ อย่าง เซอร์ วอลเตอร์ ราเลจห์ พระเอกเรื่อง ได้บุกเข้าปล้นสินค้าบนเรือชาวสเปนระหว่างทาง ทั้งยังไปปล้นสินค้าที่ท่าเรือสเปน เป็นการหยามเกียรติกษัตริย์ฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน พระองค์กริ้วมากจึงส่งกองทัพเรือขนาดมโหฬาร เรียกว่า อาร์มาด้า (ในภาษาสเปนหมายถึงทัพเรือใหญ่) หมายเข้าโจมตีประเทศอังกฤษ แม้จะเป็นฉากไม่กี่วินาที แต่ดูสวยงามครับ เหมือนเป็นภาพวาดเลย

บทพูด บทสนทนา ระหว่างละครต่างๆในเรื่องก็ไหลลื่น เข้าถึงอารมณ์ และทรงพลังค่อนข้างมาก

ถ้าคิดว่าเรื่องนี้จะมีฉากรบระหว่างอังกฤษ กับ ทัพเรือสเปน แบบมันส์ ก็คงต้องผิดหวังครับ เพราะฉากรบในเรื่องนี้ทำออกมาเพื่อรองรับเนื้อเรื่องและดูเหมือนจะเน้นความยิ่งใหญ่มากกว่าจะให้อารมณ์มันส์ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีครับ ชอบมากกว่าภาคแรกเสียอีก แม้หลายคนว่าเนื้อหาในหนังจะถูกเปลี่ยนแปลงจากเรื่องจริงไปบ้างก็ตาม ...