IMDB : tt9701942
คะแนน : 6
มาถึงภาคที่ 3 แล้ว กับหนังชุดสยองขวัญ Fear street ถนนสายอาถรรพ์ ผลงานจาก netflix Original ที่สร้างสรรค์มาจากงานวรรณกรรมระทึกขวัญของ อาร์. แอล. สไตน์ เสน่ห์สำคัญที่สุดของหนังชุดนี้ก็คือ ในภาค 1 1994 และภาค 2 1978 เขาสามารถนำเอามนต์เสน่ห์ของแนวหนังไล่เชือดหรือ slasher film ในสมัยยุค 80s - 90s มาใช้ได้อย่างลงตัว นับว่าเป็นการคารวะหนังแนวไล่เชือดอย่างแท้จริง
แต่พอมาถึงภาคที่ 3 1666 เขากลับสามารถสร้างหลายสิ่งหลายอย่างขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ แถมยังเล่าเรื่องได้สนุก ตื่นเต้น และเก็บกลิ่นอายความคลุมเครือของบรรยากาศช่วงยุคกลางตอนปลาย ในช่วงที่ผู้คนในยุโรปและในอเมริกากำลังยึดมั่นอยู่กับศาสนาอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นศาสนาคริตสศาสนานิกายโรมันคาทอลิกหรือโปรแตสแตนท์ก็ตาม ทำให้การต่อต้านพวกนอกรีตอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะผู้คนที่ทำตัวผิดแปลกไปจากยุคสมัย เช่นพฤติกรรมรักร่วมเพศ เธอร่วมเพศกับสัตว์ ไม่ศรัทธาในศาสนาและคำสอน รวมถึงหญิงที่ทำตัวเก่งเกินชาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด จะถูกลงโทษด้วยการแขวนคอหรือไม่ก็เผาทั้งเป็น หนังแสดงถึงความหวาดกลัวในเรื่องนี้ออกมาได้ดีมาก
แม้ว่าในภาค 3 1666 นี้ จะไม่ค่อยมีฉากนักฆ่าไล่เชือด ไล่ฟัน ไล่จามหรือไล่แทงคนอย่างในภาค 1 และภาค 2 แต่เขาก็สามารถสร้างบรรยากาศของความเคลือบแคลง ความมัวเมา และความหวาดกลัวได้ดี ดูแล้วก็ทำให้คิดถึงบรรยากาศจากในหนังเรื่อง The Village (2004) หมู่บ้านสาปสยอง หนังของ M. Night Shyamalan อยู่ไม่น้อย รวมถึงบรรยากาศที่เกี่ยวข้องกับศาสนา แม่มด อาถรรพ์หรือซาตานนั้นก็ทำให้คิดถึง The VVitch (2015) อาถรรพ์แม่มดโบราณ์ด้วยเช่นกัน
หากจะพูดถึงภาคมากที่สุดแล้ว ก็เป็นภาค 1666 นี่แหละครับ ชอบวิธีการสร้างบรรยากาศของเรื่องทำให้เราเห็นสังคมที่ ยึดมั่นอยู่ในคำเชื่อมคำสอนทางศาสนา ตามวิถีทางของยุคกลางหนือยุคมืด เขาทำบรรยากาศออกมาให้ดูหมองหม่น บีบรัดและกดดัน และนำไปสู่บทสรุปในช่วงท้าย ที่รู้สึกว่าสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เป็นตอนที่ถือว่า "ดาร์ค"สุด ๆ แล้ว
มีการใช้สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับซาตานและแม่มดจำนวนมากในภาพยนตร์ เช่นสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก สัญลักษณ์เลข 13 ที่เป็นการท้าทายอำนาจของพระเจ้า ที่เกี่ยวข้องกับวันศุกร์ 13 และอาหารมื้อสุดท้าย คติความเชื่อเรื่องแม่มดและซาตาน การแลกบางสิ่งบางอย่างกับซาตานเพื่อให้มีชีวิตเป็นอมตะ ซึ่งการใส่สัญลักษณ์เหล่านี้เขาสามารถใส่เอาไว้ได้อย่างแนบเนียน และมีความน่าสนใจในเชิงสัญลักษณ์วิทยากับภาพยนตร์ด้วย ซึ่งโอกาสหน้าทางช่อง Super Review Channel ของเราจะขอขยายความเรื่องการใช้สัญลักษณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้มารับใช้ท่านผู้ชมผู้ฟังครับ
จุดที่ชอบหนึ่งอย่างก็คือเขาสามารถนำตัวละครแทบทุกตัวทุกตัว ที่ปรากฏตั้งแต่ในภาค 1994 ภาค 1978 กลับมาใช้ในภาค 1666 ได้อย่างดี ทำให้เรา รู้สึกว่าเขาไม่ได้ทอดทิ้งตัวละคร แม้บางตัวอาจจะใช้ไม่มากนะแต่ก็ถือว่าทำให้เราหายคิดถึงตัวละครทุกตัวไปได้
ชอบวิธีการเล่าเรื่องใน 1666 เป็นอย่างมาก ลักษณะเหมือนการเล่าเรื่องแบบย้อนหลัง เป็นการเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อนและค่อย ๆ สืบย้อนหลังกลับไปหาต้นตอของเหตุการณ์ ในจุดนี้มันทำให้เราดูแล้วไม่น่าเบื่อมันทำให้เราอยากค้นหาคำตอบไปพร้อม ๆ กับตัวละคร เล่าเรื่องเร็ว มีที่มาที่ไป
มีการสืบหาความจริง สามารถสรุปปมปัญหา หรืออะไรก็ตามที่ค้างคาใจคนดูทุกอย่าง ตั้งแต่ Fear street 1994 และ 1978 ได้อย่างเกือบจะหมดจด เฉลยจุดเริ่มต้นของอาถรรพ์ได้ดี โดยเฉพาะเรื่องราวอาถรรพ์และการอาฆาตของแม่มดซาร่าห์ เฟียร์ ที่เป็นสาเหตุคำสาปของเมืองเซดี้ไซด์ก็กล่าวได้หมดจด
เว้นเสียแต่ว่าเรื่องราวของนักฆ่าบางคน เขากลับเล่าได้น้อยมาก จนเหมือนว่าไม่อยากให้เราอยากรู้ที่มาที่ไปของนักฆ่า ตรงนี้น่าเสียดายมาก แถมในตอนจบของเรื่องเลยเขาก็ทิ้งบางอย่างเอาไว้ให้เป็นเชื้อ อันเป็นเอกลักษณ์ของหนังแนว 80s กับ 90s เอาไว้ด้วย ซึ่งเขาจะสามารถทำต่อหรือไม่ทำต่อก็ยังได้ ในจุดนี้ประทับใจมาก ๆ ครับ