Free Guy ขอสักทีพี่จะเป็นฮีโร่

โดดข้ามจากโปรแกรมยักษ์ส่งท้ายปี 2020 สู่โปรแกรมต้อนรับเปิดโรงหนังครึ่งปีหลังของปี 2021 จนได้สำหรับ ‘Free Guy’ หนังแฟนตาซีที่มีฉากหลังเป็นโลกของเกมออนไลน์โดยฝีมือของชอว์น เลวี (Shawn Levy) จากหนังชุด ‘Night at the Museum’ และโปรดิวเซอร์คนสำคัญเบื้องหลัง ‘Stranger Things’ ซีรีส์สุดฮิตของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งสิ่งที่โหดหินที่สุดสำหรับเลวีคือการต้องบอกเล่าเรื่องราวในโลกของเกมโอเพนเวิร์ล (Open World) หรือเกมที่มีกลไกให้ผู้เล่นท่องโลกในเกมและกำหนดวัตถุประสงค์ในเกมได้แบบอิสระและผลลัพธ์ก็กลายเป็นความบันเทิงขั้นสุดทั้งกับผู้ชมทั่วไปและสะใจยิ่งสำหรับเหล่าเนิร์ดเกมเมอร์

อย่างที่จั่วไปในย่อหน้าแรกแล้วว่าความท้าทายสำคัญคือการบอกเล่าเรื่องราวอันแสนซับซ้อนให้คนดูทั่วไปเข้าใจง่ายซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่าบทหนังของ แมทต์ ลีเบอร์แมน (Matt Lieberman) กับแซก เพนน์ (Zak Penn) ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีทั้งการแนะนำโลกในเกมและการค่อย ๆ ให้ข้อมูลในส่วนพลอตหลักนอกเกมได้อย่างมีขั้นมีตอนจนคนดูห่างไกลจากอาการก่งก๊งเพราะพี่แมทต์กับพี่แซกได้แปลศัพท์ไฮเทคล้านปีแสงมาเป็นภาษาง่าย ๆ

และที่สำคัญคือการใส่องค์ประกอบต่าง ๆ ในเกมโอเพนเวิลด์มาใช้ในการเล่าเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทิ้งมุกที่เกมเมอร์รู้จักกันดีอย่างพฤติกรรมดูถูกตัวละครที่ถูกยิงตายด้วยการกดนั่งยอง ๆ หลายทีหนังก็นำเสนอให้เป็นมุกฮาที่เหล่าเกมเมอร์ดูแล้วจะเข้าใจได้ทันที นอกจากนี้ยังต้องยอมรับว่าแม้จะชูแอ็กชันแฟนตาซีมาขายคนดูกลุ่มเพศชายเป็นหลักแต่บทหนังกลับเอาแก่นการเล่าเรื่องแบบหนังโรแมนติกมาใช้ได้ชวนฟินจิกหมอนไม่หยอกเลยทีเดียว

นอกจากงานบทที่กล่าวไปแล้วก็ต้องยอมรับการกุมบังเหียนของชอว์น เลวี ที่เอาอยู่ในทุกองค์ประกอบทำให้ภาพรวมการแสดงของนักแสดงที่ต้องมาเล่นเสมือนว่าอยู่ในโลกของเกมออกมาไม่ดูขัดเขินและยังทำงานร่วมกับเทคนิคพิเศษออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจรวมถึงลูกเล่นตอนท้ายที่ทำเอาเหล่าแฟนบอยกรี๊ดกันกระจาย และเรื่องราวที่อยู่ในโลกความเป็นจริงก็ยังคงความน่าสนใจไว้ได้ไม่ยิ่งหย่อนกันซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากแคสต์นักแสดงในภาพรวมที่ส่งเสริมความสนุกให้หนังได้แบบไม่เว้นช่วงให้น่าเบื่อเลย

สำหรับไรอัน เรย์โนล์ดส์เราคงไม่ต้องกล่าวอะไรมากแล้วทั้งการแสดงในส่วนของคอมเมดี้และฉากบู๊ต่าง ๆ ก็ไม่เสียทีที่อุตส่าห์เทรนมาจากการเล่นหนัง ‘Deadpool’ เลย เขาสามารถคงความเด่นและทำให้คนดูหลงรักได้ตั้งแต่ต้นจนจบหนัง ส่วนโจดี โคเมอร์ที่มารับบทนางเอกถึง 2 บทบาทก็น่าจะกลายเป็นขวัญใจแฟนบอยได้ไม่ยากทั้งลุคโมโลทอฟเกิร์ลสุดเปรี้ยวในเกมที่เซ็กซี่และเท่ระเบิดไปจนถึงลุคของมิลลิเนิร์ดสาวในโลกความเป็นจริง โดยหากมุกตลกและคิวบู๊ของเรย์โนล์ดส์คือกลไลสร้างความมันเร้าใจให้หนัง การแสดงของโคเมอร์ก็คือหัวใจที่ช่วยเติมด้านโรแมนติกให้หนังกลายเป็นที่รักของคนดูได้ไม่ยาก

ในส่วนนักแสดงสมทบต้องยอมรับว่านี่คือการรวมเหล่าตัวขโมยซีนของจริงทั้ง แชนนิง ทาทัม (Channing Tatum) ที่มาเล่นบทฮา ๆ แบบไม่กลัวเสียลุคคนหล่อ หรือจะเป็นการรับบทสมทบในหนังใหญ่ของ โจ คีรี หนุ่มหล่อจากซีรีส์ ‘Stranger Things’ ที่มาโชว์หน้าหล่อ ๆ ในหนังแต่ที่ถือว่าขโมยซีนร้ายกาจสุด ๆ เห็นจะเป็น ไทกา ไวทิทิ ผู้กำกับหนัง ‘Thor Ragnarok’ และ ‘Jojo Rabbit’ ที่มารับบทอังทวนได้น่าหมั่นไส้แต่ก็อดฮาในความโอเวอร์และติงต๊องของเขาไม่ได้เลยรวมถึง อัทคาร์ช อัมบัดการ์ (Utkarsh Ambudkar) ที่มารับบทเพื่อนของคียส์ตัวละครของคีรีได้อย่างมีสีสันทีเดียว และยังมีดาราดังอย่างฮิวจ์ แจ็คแมน (Hugh Jackman) ทีนา เฟย์ (Tina Fey) และดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) มาให้เสียงพากย์ตัวละครในเกมให้เซอร์ไพร์สกันอีกด้วย

นอกจากนี้หนังยังได้เชิญสตรีมเมอร์ชื่อดังมาปรากฎในหนังด้วยอาทิเช่น อีเมน เอนิส (Imane Anys) สตรีมเมอร์สาวชาวแคนาดาเจ้าของแชนแนล “Pokimane” ในทวิตช์ (Twitch) และ ฌาน วิลเลียม แมกลาฟลิน (Seán William McLoughlin) ยูทูบเบอร์และสตรีมเมอร์ชาวไอริสเจ้าของแชนแนล “Jacksepticeye” ซึ่งทำให้เห็นว่าเลวีและทีมงานมีการทำการบ้านและรู้ว่าควรเอาคนในวงการเกมตัวจริงมาปรากฎตัวในหนังของเขาเพื่อสื่อสารทำการตลาดกับเหล่าเกมเมอร์ได้ละหน้าจอออกมาดูหนังอย่างแนบเนียน