ค้นหาหนัง

Fulltime Killer กระสุนนี้เพื่อฆ่า หัวใจข้าเพื่อเธอ

Fulltime Killer กระสุนนี้เพื่อฆ่า หัวใจข้าเพื่อเธอ
เรื่องย่อ : Fulltime Killer กระสุนนี้เพื่อฆ่า หัวใจข้าเพื่อเธอ

เรื่องราวของสองนักฆ่าที่มีความคิดแตกต่างกัน คนหนึ่งมีแต่ความรักให้กับคนรัก อีกคนหนึ่งต้องการที่จะเข้าไปอยู่ในหัวใจคนรัก หนึ่งสิ่งที่จะนำพวกเขาไปสู่ความตาย คือ ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากัน กฎของนักฆ่ามืออาชีพ หนึ่งต้องใจแข็ง และสองจะต้องอดทน O (Takashi Sorimachi) ผู้รักความสันโดษ สิ่งเดียวที่ทำให้เขาเป็นนักฆ่าที่ดีได้ คือ การแยกอารมณ์ออกจากตัวเอง Tok (Andy Lau) นักฆ่าผู้มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเหมือนฟิล์มหนังท ี่วิ่งเร็วเวลาฉาย สองนักฆ่าต้องมาเผชิญหน้ากัน สิ่งที่เดียวที่อีกฝ่ายจะยื่นให้ คือ ความตาย หลายปีที่ผ่านมา ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เขาเลิกพบผู้คน ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เก็บตัว หลังจาก Nancy ทิ้งเข้าไป O อยู่ในอพาร์ตเม้นท์ แต่ความจริงแล้วเขามาเพื่อซ่อนตัวจากที่เดิม เพื่อลืมเรื่องเก่าๆ ชีวิตเขาเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับ Chin (Kelly Lin) Chin หญิงสาวที่ชอบเก็บตัว เงียบขรึม และขี้อาย ลึกๆ เธอเป็นหญิงสาวที่มีอารมณ์รุนแรง โกรธง่าย แต่ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมาให้ใครเห็น Chin จ้างให้ O ทำงานให้แต่ Chin ไม่เคยเผยว่าเป็นผู้ว่าจ้าง แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองคล้ายกับคนรักเก่าของเขา Lee (Simon Yam) ตำรวจแห่งชาติในหน่วยงานปรามปรามอาชญากรรม ทำงานในกรมตำรวจมา 5 ปี ประสบการณ์ของเขามากมายในการปราบปรามผู้ร้าย เขาเป็นหัวหน้าทีมที่ต้องการจับ O และ Tok เมื่อ O ถูก Tok ท้าดวล และถูกตามล่าจาก Lee เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจาก C7 (Teddy Lin) นักกีฬาแม่นปืนที่แม่นที่สุดในประเทศจีน และเป็นผู้แข่งขันที่คว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิค โดยหารู้ไม่ว่า C7 คือ Lok Gan Wah พี่ชายของ Tok

IMDB : tt0286635

คะแนน : 8



Fulltime Killer เป็นหนังเรื่องที่ 2 ต่อจากเรื่องแรก Full Contact ของผู้กำกับ ตู้ฉีฟง ที่ผมมีโอกาสได้ดู หลังจากซื้อแผ่นที่บริษัท EVS ตอนที่กำลังโละขายก่อนปิดบริษัทซึ่งดองไว้นานมาก ตอนที่เห็นหน้าปกเรื่องนี้ไม่ได้คิดอะไร เห็นแค่ว่า หลิวเต๋อหัว แสดงนำกับนักแสดงญี่ปุ่น มองแวบแรกนึกว่า ทาเคชิ คาเนชิโร่ ด้วยความที่เห็นหน้าปกสีสันฉูดฉาด แดงแรงฤทธิ์ เลยตัดสินใจซื้อมา โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นหนังของ ตู้ฉีฟง

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือวิธีการเล่าเรื่องที่ผมรู้สึกว่าไม่นิ่งเลยแต่ไม่ใช่ว่ามันไม่ใช่ข้อเสียนะครับ เพราะมันทำให้หนังไม่น่าเบื่อ  ลีลาการเล่านั้นดูหวือหวาไม่ว่าจะเป็น การลำดับภาพ สีของหนังที่ดูฉูดฉาด การใช้ดนตรีที่เล่นกับจังหวะของหนังที่มีความขึ้นลงอย่างรู้จังหวะและบิวท์ให้เรามีอารมณ์ร่วมอยู่ตลอดเวลารวมไปถึงการ Deliver ของ Dialog ที่ดูมีความสนเท่ห์อะไรบางอย่างจนทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อ

รวมไปถึงการแสดงที่มีความขัดแย้งกันของ Character อย่างชัดเจนของ หลิวเต๋อหัว กับ Takari Sorimachi ทำให้ทุกอย่างมันดูเท่และมีสไตล์ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังของผู้กำกับ หว่องกาไหว่ ที่มีโทนเหงาๆคล้ายกับเรื่อง Chungking Express ผสมกับ การลำดับภาพที่มีความหวือหวาสีสันฉูดฉาดคล้ายกับหนังเรื่อง Bangkok dangerous ของผู้กำกับสองพี่น้อง ออกไซ และ แดนนี่ แปง บวกกับความที่เป็นหนังแอ็คชั่นอาชญากรรมของ ตู้ฉีฟง ทุกอย่างจึงออกมาลงตัว

ในส่วนของตัวบทถ้าหากดูจากเรื่องย่อ เหมือนหนังตั้งใจจะให้มันเป็น Romantic แอ็คชั่น ดราม่า แต่ผมแทบจะไม่รู้สึกถึงความ Romantic เลย ผมเห็นถึงความพยายามที่จะยัดเรื่องของความรักเข้ามาตลอดทั้งเรื่อง แต่ว่าผมไม่ได้รู้สึกอินตามแต่สามารถเข้าใจในการกระทำของทุกตัวละครได้

พูดถึงเรื่องแอ็คชั่นก็ทำออกมาดูเท่ โดยเฉพาะ Gun fight scene ที่อยู่ในอพาร์ทเมนต์ของเยิ่นต๊ะหัวกับ Takari ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ให้เยิ่นต๊ะหัวกระโดดยิงขาลอยย้อนหลังสวนกฏของฟิสิกส์บวกกับการ slow motion ถ้าพูดอย่างนี้อาจจะนึกภาพไม่ออกต้องไปดูในหนังจะรู้สึกว่า เออ แปลกแต่เท่ดี

แต่ก็ไม่ได้เวอร์จนเกินไปนัก หนังยังคงความ Realistic ความสมมาตรของ Skill ในการต่อสู้ของตัวละคร เช่นการเป็นนักฆ่าสุดยอดมือปืนไม่ได้หมายความว่าคุณจะสู้ตำรวจได้ในบางมุม เพราะตำรวจมีทั้งการฝึกฝนทั้งทางด้านอาวุธและการป้องกันตัวซึ่งจริงๆจุดไม่รู้ว่าผกก.ตั้งใจหรือแค่ใส่มาเพื่อให้บทของหนังมันไปตามที่ต้องการ แต่ผมสังเกตุได้แล้วรู้สึกว่ามันก็เป็นอะไรที่ดูสมเหตุสมผลดี

Fulltime Killer เป็นหนังฮ่องกงที่ใช้ภาษากวางตุ้งน้อยมากแต่จะใช้ภาษาจีนกลางเยอะ ถ้าจำไม่ผิดอาจจะใช้แค่ประโยคเดียวภายในหนัง แต่ถ้าใครอยากเห็นนักแสดงฮ่องกงพูดภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นจนอิ่มแน่ เพราะทั้งเรื่องใช้การสื่อสาร 3 ภาษาทั้งจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ พร้อมกับหลายโลเคชั่นทั้ง ไทย มาเล สิงคโปร์  ฮ่องกง

โดยรวม Fulltime Killer  เป็นหนังแอ็คชั่นที่ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสนุกอะไรมากมาย แค่คิดว่าจะเสพแค่ความแอ็คชั่นแบบสะเด็ดสะเด่ากันไปเลย แต่กลับมาสนุกด้วยงานภาพการลำดับการเล่าเรื่องที่มีความหวือหวาบวกกับความแอ็คชั่นที่ถูกดีไซน์มาได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นทีดีในการที่จะหาหนังของตู้ฉีฟงมาดูแบบจริงจังของผม