ค้นหาหนัง

Goodbye Christopher Robin | แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนานวินนี เดอะ พูห์

Goodbye Christopher Robin | แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนานวินนี เดอะ พูห์
เรื่องย่อ : Goodbye Christopher Robin | แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนานวินนี เดอะ พูห์

ความสัมพันธ์ระหว่างนักเขียนนิยายเด็ก A. A. Milne (Domhnall Gleeson) และลูกชาย Christopher Robin ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสู่โลกของ Winnie the Pooh ตามมาด้วยแม่ของเขา Daphne (Margot Robbie) และพี่เลี้ยง Olive โรบินและครอบครัวเป็นหนังสือที่ประสบความสำเร็จไปในทุกประเทศทั่วโลก มันช่วยนำเอาความหวังและกำลังใจที่ดีให้กับประเทศอังกฤษหลังจากผ่านสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

IMDB : tt1653665

คะแนน : 8



ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดบทหนัง Goodbye Christopher Robin คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของจุดกำเนิดวินนี เดอะ พูห์ ซึ่งส่งผลให้คริสโตเฟอร์ โรบิน หรือบิลลี่ ลูกชายของ เอ เอ มิลน์ ต้องทุกข์ทรมานจากการคุกคามของชื่อเสียง แต่ด้วยกลัวว่าเรื่องราวจะเบาหวิวเกินไปหรือไงก็รู้ แฟรงค์ คอสเทล บอยซ์ และ ไซมอน วอห์น เลยนำเอาอาการ PTSD (Post Traumatic Syndrome) ซึ่งเป็นภาวะตึงเครียดหลังกลับจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ของอลัน มิลน์ มาเป็นปมหนึ่งที่วินนี เดอะพูห์และ บิลลี ลูกชายของเขาพาก้าวข้ามไปได้ ซึ่งมันคงทำให้หนังเข้มข้นขึ้นจริงๆหากตัวหนังได้กล่าวถึงว่าวินนี เดอะ พูห์ มีสารต่อต้านสงครามอย่างไร แต่ตัวหนังก็ละเลยจะพูดถึงประเด็นดังกล่าวในเชิงลึกเพราะต้องการให้เวลากับปมปัญหาเรื่องชื่อเสียงที่บ่อนทำลายครอบครัวแทนเลยกลายเป็นว่าหนังเสียเวลาบอกเล่าอาการตื่นกลัวของอลันเพียงเพื่อให้เรื่องราวมีจุดเริ่มต้น (รวมถึงเป็นอารัมภบทของเรื่อง) และจุดจบของหนังโดยที่เหตุการณ์ต่างๆในเรื่องไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานเขียนต่อต้านสงครามตามที่อลันได้ตั้งเป็นเป้าหมายของตัวละครไว้ในทีแรก นอกจากนี้บทหนังเองยังมีปัญหาในการสร้างตัวละคร แดฟเน่ มิลน์ ที่ท้ายที่สุดคนดูก็ถูกทิ้งไว้กับความสงสัยว่าที่เธอกดดันสามีให้ทำงานเขียนและผลักดันให้ลูกชายออกงานเพียงเพื่อชื่อเสียงหรือเธอรักครอบครัวจริงๆ เพราะตัวละครแดฟเน่แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับบิลลี่ในเชิงแม่ลูกเท่าใดนักในเรื่องจนทำให้แดฟเน่กลายเป็นหญิงร้ายจนคนดูไม่คิดว่าเธอรักลูกจริงๆเมื่อถึงฉากดราม่าที่แสดงถึงความรักของแม่ ตรงข้ามกับโอลีฟที่แม้หนังจะให้เธอหายไปจากจอพักใหญ่แต่คนดูสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่เธอมีต่อบิลลีเกินหน้าที่พี่เลี้ยงและเราก็พร้อมสะเทือนใจเมื่อถึงฉากดราม่าที่ทำให้ทั้งคู่ต้องลาจากกัน กล่าวโดยความเข้มข้นของบทบาทแล้วตัวละครอย่าง อลัน มิลน์ ของดอมนอล กลีสัน (รับบทนายพลฮักซ์แห่ง Star Wars The Last Jedi (2017)) ควรจะเป็นตัวละครที่โดดเด่นที่สุดแต่เนื่องจากบทหนังมีปัญหาในการนำเสนอตัวละครของเขาไม่ว่าจะในฐานะนักเขียนที่เผชิญจุดเปลี่ยนเมื่อความหวาดกลัวสงครามทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือในฐานะพ่อที่เขาต้องแสดงตั้งแต่หนุ่มจนแก่แต่ท้ายที่สุดคนดูก็พร้อมจะลืมการมีอยู่ของตัวละครเขาได้ตลอดเวลา หรือแม้แต่ มาร์ก็อต ร็อบบี้ ที่แม้เธอจะเป็นนักแสดงฮอลลีวูดที่โด่งดังเพราะเล่นหนังซูเปอร์วิลเลียนรวมดาวร้ายอย่าง Suicide Squad (2016) แต่บทแดฟเน่ของเธอกลับคลุมเครือและได้รับโอกาสปรากฏบนจอไม่ต่างจากภาวะลักปิดลักเปิดแถมหนังยังให้แสดงความร้ายกาจต่อลูกและสามีทำคนดูเกลียดกลัวเธอจนยากที่ใครจะเห็นใจเมื่อถึงฉากดราม่าแม่ลูก ซึ่งต่างจาก วิล ทิลสตัน ในบท บิลลี่ มิลน์ หรือ คริสโตเฟอร์ โรบิน ที่สามารถขโมยหัวใจคนดูด้วยรอยยิ้มสดใสและการแสดงที่ทำให้คนดูเชื่อ หลงรักและใจสลายเมื่อถึงฉากที่เขาต้องจากลากับ โอลีฟ พี่เลี้ยงเด็กที่เขาผูกพันมากกว่าแม่ตนเอง และทีละน้อยบท โอลีฟ ของเคลลี แมคโดนัลด์ ดาราสาวจากซีรีส์ Boardwalk Empire (2010-2014) ที่ถูกวางเป็นบทสมทบกลับมอบการแสดงที่น่าประทับใจคนดูมากกว่าตัวเอกอย่างดอมนอล กลีสัน และ มาร์ก็อต ร็อบบี้ เสียอีกจนทำให้ทุกฉากที่ วิล ทิลสตันปรากฎคู่กับเคลลี แมคโดนัลด์ กลายเป็นความประทับใจที่สามารถกลบข้อด้อยของหนังได้มิดเลยทีเดียว แม้ข้อเสียของบทหนังจะมากมายเพียงใดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Goodbye Christopher Robin มิได้บกพร่องในหน้าที่ของการเป็นหนังครอบครัวที่อบอุ่น มีฉากน่ารักและดราม่าชวนใจสลายจากการแสดงของ วิล ทิลสตัน และ เคลลี แมคโดนัลด์ จนทำให้เรื่องราวด้านมืดของต้นกำเนิด วินนี่ เดอะ พูห์ สามารถเป็นอุทาหรณ์ในการเลี้ยงลูกเพื่อปกป้องความโหดร้ายจากโลกมายาได้เป็นอย่างดี