IMDB : tt4181158
คะแนน : 7
หยิบเอามาเล่าสักหน่อยกับหนังรักวัยรุ่นฟอร์มไม่ใหญ่ ที่เพิ่งจะลงจอสตรีมมิ่งไปหมาด ๆ กับ "Hello, Goodbye and Everything in Between" (สวัสดี ลาก่อน และรักระหว่างทาง) ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์และคำขายที่น่าสนใจมาก ๆ ที่ว่า "ทุก ๆ จุดจบก็คือการเริ่มต้นใหม่" ที่เป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่ตกลงกันว่าจะคบหากันชั่วคราว และเมื่อถึงเดดไลน์แล้ว...จะต้องเลิกรากันดี เพราะฝ่ายหนึ่งไม่เชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระยะยาวที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเรียน เออ...ช่างคิดได้เนอะ
ello, Goodbye and Everything in Between เป็นเรื่องราวระหว่าง แคลร์ กับ เอแดน หนุ่มสาวที่กำลังจะเรียนจบชั้นไฮสคูลในอีกไม่นาน พวกเขาได้บังเอิญมาพบเจอกันและดูชะตาต้องกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่กลับสร้างพันธะสัญญาต่อกันและกันในรูปแบบความสัมพันธ์ชั่วคราว โดยพวกเขาจะต้องเลิกกันและแยกย้ายกันไปคนละทาง เมื่อถึงเวลาต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย และช่วงเวลา 10 เดือนเต็มไปด้วยการเดตที่มีความสุข ได้ดำเนินมาถึงวันสุดท้ายที่พวกเขาจะต้องทำการหยุดความสัมพันธ์นี้ลง...
อนอื่นคงจะต้องบอกว่าหนังรักเรื่องนี้มีคอนเซ็ปต์ที่ค่อนข้างยูนีคไม่ธรรมดา กับแค่ตั้งโจทย์ของเรื่องนี้ไว้ว่า "รักเพื่อสุดท้ายต้องเลิกกัน" มันเป็นความคอนทราสที่เด่นชัดจริง ๆ หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายรักวัยรุ่นขายดีชื่อเดียวกันของ "เจนนิเฟอร์ อี. สมิธ" ที่ฉบับงานเขียนได้รับคำชมไม่น้อย กระทั่งมาอยู่ในรูปแบบการแสดงเป็นหนังแล้ว ต้องสารภาพตรง ๆ เลยว่า หนังทำมาได้เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว
ลำดับแรก Hello, Goodbye and Everything in Between เข้าถึงประเด็นได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้เยินเย่ออะไรมากมาย เพียงแต่จุดขายของเรื่องก็คือการย้อนทบทวนรักในความทรงจำของทั้งคู่ ยังถ่ายทอดออกมาได้ค่อยทำให้ผู้ชมรู้สึกอินสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าจุดที่ทั้งคู่รักกันและมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน จำเป็นต้องฟอร์เวิร์ดไปอย่างเร็ว ๆ เพราะหนังก็เล่าแบบเร็ว ๆ กับ 10 เดือนเพียงแค่นาทีเศษ ๆ เท่านั้น นั่นจึงเป็นจุดด้อยให้การเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยทำให้ผู้ชมคล้อยตามเท่าไหร่
เมื่อนำสู่ประเด็นวันสุดท้ายของคู่รักคู่นี้จะต้องมาถึงปลายทางที่เลิกรากันนั้น กลายเป็นความรักที่ค่อนข้างแห้งขรุขระไปสักหน่อย แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีความยาวไม่มากเท่าไหร่ ใช้เวลาร้อยเรียงไม่ถึง 90 นาทีด้วยซ้ำ แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าช้าอย่างนานเหลือเกิน ทั้งที่ช่วงต้นเรื่องเร่งสปีดมาอย่างว่องไว แต่พอนำพาเข้าสู่เส้นเรื่องแก่นแท้จริง ๆ แล้วนั้น Hello, Goodbye and Everything in Between ค่อนข้างยังไม่สามารถซื้อใจผู้ชมได้ดีเท่าที่ควร
หนังเรื่องนี้เป็นการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของ "ไมเคิล ลูเวน" ที่เคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังรักแนว ๆ สไตล์วัยรุ่นมาหลายเรื่อง แต่การมาหยิบจับทำหนังเองในครั้งนี้ของเขา นับว่ายังไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะงานโปรดักชั่นและมุมภาพดีไซน์ต่าง ๆ ของหนังทำออกมาได้ค่อนข้างดี แต่ด้วยองค์ประกอบหลักในการเล่าเรื่องนี้ยังไม่เหมาะสมสมบูรณ์สักเท่าไหร่ กลายเป็นจุดที่ด้อยค่าของหนังไปอย่างน่าเสียดาย
ขณะที่การแสดงของ 2 นักแสดงนำนั้น ถือว่ายังค่อนข้างหน้าใหม่ทั้งคู่ "จอร์แดน พิชเชอร์" อาจจะได้เปรียบเล็กน้อย เพราะเขาคือนักแสดงที่เข้าวงมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีประสบการณ์มาเป็นสิบปีแล้ว ขณะที่ "ทาเลีย ไรเดอร์" ยังถือว่าค่อนข้างใหม่ แต่เคมีและอินเนอร์ทางการแสดงของทั้งคู่ ได้สะพรั่งให้เห็นถึงความสดใหม่เป็นอย่างดี แม้ว่าเทคนิคการแสดงของพวกเขาจะยังไม่มีอะไรโดดเด่นนัก แต่เมื่อมาประกบคู่กันก็นับได้ว่ามีเคมีคู่กันที่ดีอยู่
เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Hello, Goodbye and Everything in Between เป็นหนังโรแมนติกวัยรุ่นที่ยังค่อนข้างรู้สึกว่าบกพร่องอยู่บ้าง แม้ว่าคอนเซ็ปต์และเส้นเรื่องจะค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย แต่ลำดับการเล่าเรื่องและนำเสนอยังไม่ค่อยซื้อใจผู้ชมให้จดจ่อได้ดีเท่าที่ควร น่าเสียดายที่มันควรจะอิมแพ็คได้ดีต่อใจผู้ชมมากกว่า ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว มันก็กลายเป็นเพียงหนังรักสตรีมมิ่งที่ฉายแล้วผ่านเลยไป ไม่ค่อยมีโมเมนต์อะไรให้น่าจดจำได้เท่าที่ควร