How to Lose a Guy in 10 Days
แอนดี้ คอลัมนิสต์สาวที่กำลังจะเขียนบทความเรื่องการทิ้งผู้ชายใน 10 วัน เธอเลยเลือก แบร์รี่ นักโฆษณาหนุ่มมาเป็นตัวทดลอง ในขณะเดียวนี้ตัวแบร์รี่เองก็ได้พนันกับเพื่อนไว้ว่าเขาสามารถทิ้งผู้หญิงได้ภายใน 10 วัน แล้วเรื่องจะเป็นไงต่อล่ะ ไปดูกันเลย
IMDB : tt0251127
คะแนน : 6
หนังขายเสน่ห์ 2 ดารานำแบบเต็มที่ เนื้อหาข้างในก็น่ารัก ดูเพลินมิใช่น้อย ผมชอบครับ ชอบมากๆ ด้วย เพราะหนังมันกัดพฤติกรรมของคนที่เป็นแฟนกันได้อย่างสนุกสนานมากๆ ตัวอย่างเช่นตอนที่เบนกับแอนดี้ไปดูแข่งกีฬา แล้วแอนดี้จะเอาโค้กกระป๋องนึง ทีนี้เบนในฐานะผู้ชายก็ต้องออกไปซื้อใช่มั้ยครับ ทั้งๆ ที่กีฬาก็โคตรจะอยากดู แต่ก็นั่นแหละ แฟนอยากกินก็ต้องเดินออกไปซื้อให้ ครั้นพอซื้อมาปุ๊บ เจ๊แอนดี้เกิดอยากได้เป็นไดเอทโค้กอีก เออ เอาเข้าไป 555
ใครเคยเจอสถานการณ์ทำนองนี้ในชีวิตจริงก็ต้องฮาล่ะครับ ดีไม่ดีฮาทั้งน้ำตาเลยแหละ แล้วหนังก็เล่นกับเรื่องแบบนี้ตลอดทั้งเรื่อง เพราะแอนดี้ต้องการสลัดเบนไปไงครับ เลยต้องงัดสารพัดวิธีที่จะทำให้ผู้ชายรำคาญออกมาใช้จนหมด ผมล่ะฮาไปทั้งเรื่องเลยครับ ยิ่งเรื่องอ้วนไม่อ้วนนี่ เป็นอะไรที่ฮามากๆ จริงๆ
ขณะเดียวกัน ดูไปก็คิดไปล่ะครับ ว่าจริงๆ แล้วไม่ว่าจะฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ต่างฝ่ายต่างก็มีจุดน่ารักและจุดชวนรำคาญด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหมด 100% หรอกครับ บางเรื่องก็พอกันน่ะแหละ คู่รักทุกคู่ล้วนมีปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวทั้งนั้น รายไหนปรับได้ก็ดีไป รายไหนปรับไม่ได้ก็อำลากันไป เรื่องแบบนี้พูดยากครับ เพราะบางคู่ก็เลิกกันด้วยเหตุผลที่เราอาจจะมองว่า “เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ” แต่เราจะไปว่าก็ไม่ได้ครับเพราะเราไม่ใช่เขา ปัญหาที่เรามองว่าเล็กๆ มันอาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาในเวลานั้นก็ได้
ระหว่างดูไปนี่ หนังก็ชี้ชวนให้ใจเราพิจารณาในประเด็นเหล่านี้ได้ไม่น้อยเหมือนกันครับ ใครมีคู่ก็ลองหาโอกาสชมด้วยกันดูนะครับ เผื่อจะทำให้ต่างฝ่ายต่างสามารถปรับใจปรับความคิดเข้าหากันอีกสักนิดได้
McConaughey แสดงได้ดีครับ ไหลลื่นทีเดียวกับบทนี้ แต่ในเรื่อง Hudson จะเด่นกว่าครับ เพราะเธอต้องแสดงท่าสารพัด ทั้งตอนออกมารยาหญิง ให้ดูเว่อร์ๆ ฮาๆ ตัวหนังสนุกมากมายก็เพราะพระเอกนางเอกที่แสนจะเข้ากันคู่นี้นี่แหละ และโดยส่วนตัวผมชอบตอนที่แอนดี้มองเบนด้วยสายตาแบบที่ไม่ใช่แค่การเล่นเกมอีกต่อไป เธอเริ่มเห็นอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ขึ้นมาจริงๆ ซีนเหล่านี้นี่ Hudson สื่ออารมณ์ได้ดีครับ
ถือเป็นงานท็อปฟอร์มอีกเรื่องของ ผู้กำกับที่ฝีมือชอบขึ้นชอบลงอย่าง Donald Petrie (Miss Congeniality, My Favorite Martian, Ri¢hie Ri¢h และ Grumpy Old Men) ซึ่งก็ต้องขอบคุณพลังดาราด้วยล่ะครับที่ส่งให้หนังดูสนุกเพลิดเพลินขนาดนี้ และตัวหนังเองก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามครับ โกยในอเมริกาไป $105 ล้าน (หากรวมทั่วโลกก็จะเป็น $177 ล้าน) จากทุนสร้างประมาณ $50 ล้าน ก็กำไรสวยงามกันไปครับ
ถือเป็นหนังรักเบาสมองที่ควรค่าแก่การรับชมครับ ดูแล้วคลายเครียดแบบกำลังดีจริงๆ