ค้นหาหนัง

IO | ผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย

IO | ผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย
เรื่องย่อ : IO | ผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย

แซม เด็กสาววัยรุ่นเป็นหนึ่งในคนสุดท้ายในโลกหลังภัยพิบัติ ด้วยกระสวยสุดท้ายที่มีกำหนดจะออกจากโลก เธอต้องตัดสินใจว่าจะเดินทางไปยังจุดปล่อยจรวดและเข้าร่วมกับมนุษยชาติที่เหลือ หรืออยู่บนโลกซึ่งเป็นบ้านเดียวที่เธอเคยรู้จัก

IMDB : tt3256226

คะแนน : 2



IO เป็นหนัง Netflix ที่โผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง คือเปิดหน้า Netflix มาแล้วเจอเลย ไม่เคยเห็นที่ไหนรีวิว ไม่เคยเห็นโฆษณา

แต่หน้าหนังกับตัวอย่างหนังสะกดเราให้ดูต่อ โดยเฉพาะความเป็นไซไฟทริลเลอร์ที่ดูเผินๆ แล้วน่าติดตามมาก ไม่นานนักก็ตัดสินใจกดดูเลย ใจง่ายปานนั้น

แต่เมื่อผ่านไปได้สักประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงได้ค้นพบว่าหน้าหนังกับหนังจริงๆ นั้นโคตรต่างกัน!

IO บอกเล่าเรื่องราวของโลกที่ต้องเผชิญภาวะ “อยู่ไม่ได้” คือสิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่รอดได้เพราะอากาศเป็นพิษมากเกินไป (เอ๊ะคุ้นๆ) ผู้คนและสรรพสัตว์ต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก มนุษย์จึงตัดสินใจว่าจะอพยพออกไปตั้งถิ่นฐานนอกโลก จึงเกิดเป็นโปรเจ็กต์ชื่อ Exodus ซึ่งมีถิ่นที่ตั้งอยู่แถวๆ ดวงจันทร์ IO ของดาวพฤหัสฯ ด้วยเหตุนี้เราจึงแทบไม่เห็นใครๆ อยู่บนโลกแล้วละ

…ยกเว้นก็แต่นางเอกอย่างแซม วัลเดน นักวิทยาศาสตร์ที่ยังคงปักหลักอยู่นอกเมือง ด้วยจิตมุ่งมั่นต้องการพิสูจน์ว่าโลกนี้ไม่ได้กำลังจะตาย แต่กำลังรักษาตัวเอง และพยายามฟื้นฟูเพื่ออยู่รอด ดังนั้นสิ่งมีชีวิตย่อมอยู่ได้หากสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ โอโหมองโลกแง่ดีมาก เธอพยายามทำการทดลองกับสิ่งมีชีวิตหลายชนิดเพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานนี้ ตามรอยพ่อของเธอซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยืนยันไอเดียนี้เช่นกัน

วันหนึ่ง หน้าบ้านแซมก็มีบอลลูนลอยมา คนที่ออกมาจากบอลลูนคือไมคาห์ ชายปริศนาที่ตั้งใจจะมาหาพ่อของแซม แต่เมื่อค้นพบว่าพ่อแซมไม่อยู่ เขาก็ยืนยันว่าจะรอ เลยกลายเป็นว่าแซมได้เพื่อนร่วมบ้านเป็นไมคาห์มาอีกหนึ่งคน ไมคาห์นั้นได้ตัดสินใจว่าจะขึ้นยานลำสุดท้ายที่จะออกจากโลกในเร็วๆ นี้ ส่วนแซมก็ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะไปด้วย ท่ามกลางบรรยากาศบนโลกที่ดูโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ

อย่างที่เกริ่นไปในตอนแรก เราแอบคาดหวังว่าจะได้เห็นฉากไซไฟ ซีนอวกาศ โมเม้นต์วิ่งหนีเอาตัวรอดแบบหอบหืดๆ และความลุ้นตื่นเต้นแบบไม่มองนาฬิกา แต่เอาเข้าจริงคือสิ่งที่เราคาดหวังทั้งหมดนั้นแทบไม่ปรากฏในหนังเลย โทนของหนังในเรื่องก็ห่างไกลจากที่เราคิดไว้ลิบลับ ส่วน IO ที่เป็นชื่อหนังนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรไปมากกว่าชื่อของดวงจันทร์ที่ถิ่นใหม่ของมนุษย์อยู่ใกล้ๆ

ตัวหนังไม่ค่อยหย่อนเหตุการณ์น่าตื่นเต้นมาระหว่างทางเท่าไร เส้นเรื่องค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แม้จะมีปริศนาแต่ก็ไม่ได้กระตุ้นให้ชวนอยากรู้คำตอบ จนบางทีอาจจะรู้สึกว่าหนังมันเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ไปหน่อย ฟังแบบนี้คงเริ่มท้อว่าหนังต้องน่าเบื่อแน่ๆ ซึ่งถ้าตอบแบบตรงๆ ก็คืออือ น่าเบื่อกว่าที่คิดไว้แหละ แต่ถึงขั้นปิดจอแล้วไปทำอย่างอื่นมั้ย? ก็ไม่ขนาดนั้น

เพราะท่ามกลางความนิ่งของหนังที่โลดแล่นบนฉากไม่กี่ฉากบนโลกที่แสนจะเคว้งคว้าง เรากลับรู้สึกค่อยๆ ผูกพันไปกับตัวละคร ติดตามบทสนทนาและคำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็รู้สึกว่าแฝงไปด้วยนัยยะบางอย่าง บวกกับรูปประโยคคำพูดที่ใช้ก็ฟังดูสละสลวย เราเป็นคนชอบประโยคที่เรียงสวยๆ แบบแฝงความนัยบางอย่างไว้น่ะ เลยตามติดไปกับหนังได้พอสมควร แม้จะรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ตาม แต่บางครั้งแค่ได้ฟังมันก็เพราะหูดี มีการอ้างอิงถึงตำนานกรีกและเทพปกรณัมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเราสารภาพว่าเราไม่เข้าใจ ใครที่มีความรู้ตรงนี้อาจจะทำให้ยิ่งอินกับหนังมากขึ้น

แน่นอนว่าพอมีตัวละครอยู่แค่ 2 ตัวบนโลกที่ไม่เหลือใครแล้ว บรรยากาศความเหงาย่อมมาเป็นธรรมดา เราชอบการที่แซมส่งอีเมลคุยกับแฟนหนุ่มอย่างอีลอนที่ย้ายไปอยู่ IO แล้ว การต้องคุยกับคนรักที่อยู่ห่างกันเกือบ 600 ล้านกิโลเมตรผ่านตัวหนังสือนี่มันดูโคตรเหงาเลย โคตรเคว้ง ไหนจะประโยคต่อท้ายของทั้งคู่ที่ว่า  From Earth/IO until The End of The Universe ยิ่งเพิ่มขีดดีกรีความเหงาไปขั้นสุด

โดยรวมแล้ว IO ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน ไม่เหมาะสำหรับคนชอบไซไฟเอ็ฟเฟ็กต์ตระการตา น่าจะเหมาะสำหรับสายอาร์ตหรืออินดี้มากกว่า ดูๆ ไปแล้วหนังมีความดราม่าระดับนึงเลย และอาจทำให้หลับได้เพราะการดำเนินเรื่องที่นิ่งๆ เรื่อยๆ แต่ถ้าใครชอบดูหนังที่แฝงความนัย ไม่บอกคำตอบชัดเจนแม้กระทั่งตอนจบที่เราก็ยังงงๆ อยู่ ก็สามารถลองไปดูกันได้ แล้วมาคุยกันว่าตอนจบเป็นยังไง

ป.ล. อีกหนึ่งเสน่ห์ของหนังน่าจะเป็นนางเอกอย่างแซมที่นำแสดงโดย Margaret Qualley สวยแบบเท่ๆ ดี และเพราะยังไม่ค่อยคุ้นหน้าเท่าไรด้วยมั้งเลยรู้สึกว่าเธอดูใหม่ดี