ค้นหาหนัง

Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์

Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์
เรื่องย่อ : Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์

เมื่อ เฟรด แฮมป์ตัน นักเคลื่อนไหวต่อต้านตัวยงได้ขึ้นมาเป็นประธานของพรรค แบล็ก แพนเทอร์ ในรัฐอิลลินอยส์ เพื่อก่อการปฏิวัติ ซึ่งเขาตกเป็นที่หมายหัวต่อรัฐบาล ตำรวจและเอฟบีไอ แต่การจะทำลายการปฏิวัติในครั้งนี้ ทางรัฐจำเป็นต้องมีคนในเพื่อแทรกซึมเพื่อปูทางสะดวกในการเข้าจับกุม

IMDB : tt9784798

คะแนน : 8



แน่นอนว่าหนังเข้าทางหนังรางวัลแบบเต็มๆ ไม่มีอะไรผสมเลย เพราะตั้งแต่เปิดฉากเรื่อยมาถึงจบเรื่องเต็มไปด้วยความทรงพลังทั้งการแสดงและบทพูดต่างๆ ของตัวละคร ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าได้ส่งพลังบวกและเพิ่มความหึกเหิมให้กับคนดูได้โดยตรง กับความพยายามโชว์พลังเพื่อความเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นพลังเล็กๆ ที่กลายเป็นบ่อกำเนิดพลังอันยิ่งใหญ่ระดับชาติ

แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า Judas and the Black Messiah ยังค่อนข้างขาดชั้นเชิงในหลายๆ จุดในการขยี้เรื่องราว ภาพรวมของหนังยังไม่สามารถสร้างมิติในบางมุมได้ชัด ทั้งมิติของโครงเรื่อง มิติของตัวละคร และหยิบเอาคำพูดและการแสดงมาใช้ เพื่อสร้างความทรงพลังให้กับตัวหนังได้อย่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ผ่านทีมนักแสดงที่ค่อนข้างน่าไว้วางใจ

Judas and the Black Messiah เป็นการหนังดราม่าการเมืองเข้มข้นที่ อาจจะไม่ได้เหมาะกับกลุ่มคนดูหนังทั่วๆ ไป เพราะต้องบอกเลยว่า ช่วงแรกของหนังที่ทำการปูพื้นเพและแนะนำตัวละครต่างๆ ยังค่อนข้างราบเรียบและไม่มีอะไรโดดเด่น ผ่านไปเกือบชั่วโมงแรกไปด้วยความเรียบเฉย เอนเอียงไปทางน่าเบื่อ แต่เมื่อก้าวข้ามผ่านจุดไปแล้ว...หนังจะเริ่มสตาร์ทเครื่องติด

ช่วงครึ่งหลังของหนังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายตามท้องเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความหึมเหินและความสะเทือนใจ บอกได้ว่าช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนังคือบทสรุปที่อดสู แต่กลายเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลเป็นอย่างดี แม้ว่าพอได้ย้อนกลับไปมองดูภาพรวมๆ ของหนังแล้ว จะพบได้ว่าหนังยังค่อนข้างเล่าเรื่องได้แคบ นำเสนอเพียงแค่ไม่กี่มุมมอง ผ่านตัวละครหลักที่เลือกจะโฟกัส ที่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียคละเคล้ากัน

การแสดงของนักแสดงชุดนี้ค่อนข้างไว้วางใจได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักแสดงผิวสีเจเนอเรชั่นใหม่เสียส่วนใหญ่ แต่ก็ได้โชว์พลังและศักยภาพทางการแสดงออกมาได้ล้นเปี่ยม "แดเนียล คาลูยา" เหมาะสมและคู่ควรกับการได้เข้าชิงรางวัลต่างๆ และเห็นชอบด้วยซ้ำว่า เขาถึงเวลาแล้วที่จะได้ออสการ์ตัวแรก แม้จะเพิ่งแจ้งเกิดในวงการได้เพียงไม่กี่ปี

โดยภาพรวมแล้ว Judas and the Black Messiah ก็ยังจัดว่าเป็นเชิงประวัติศาสตร์ที่ทรงพลัง เพียงแต่หนังยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบขนาดนั้น หนังยังพบเห็นช่องโหว่รายทางไปตลอดทั้งเรื่อง มุมมองการถ่ายทอดชิ้นงานของผู้กำกับ "ชากา คิง" ก็ค่อนข้างดี แต่ยังไม่ค่อยคมคายสักเท่าไหร่ กลายเป็นเหมือนความโดดเด่นที่ยังเปล่งประกายได้ไม่เท่าที่ควร

โดยหลักๆ แล้ว มิติการเล่าเรื่องของหนังยังค่อนข้างขาดเสน่ห์ไปเล็กน้อย ร้อยเรียงตามลำดับขั้นตอนต่างๆ แบบตรงไปตรงมาและกลายมาเป็นความราบเรียบที่ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรสื่อสารออกมาได้มากนัก แต่การแสดงอันทรงพลังของ แดเนียล คาลูยา กลายเป็นสิ่งเดียวหลักๆ ที่ช่วยยึดเหนี่ยวและพยุงหนังนี้ให้รอดไปถึงฝั่งได้ ถึงแม้จะยังไม่ใช่หนังที่เพอร์เฟค และก็คู่ควรกับการได้เป็นหนึ่งในหนังสายรางวัลประจำปีนี้เช่นกัน