ค้นหาหนัง

Jungle Cruise ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์

Jungle Cruise ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์
เรื่องย่อ : Jungle Cruise ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์

ปี 1916 ดร. ลิลี่ ฮัฟตัน นักสตรีนิยมชาวอังกฤษและแพทย์ด้านพฤกษศาสตร์ ออกเดินทางในภารกิจสุดอันตรายเพื่อเปลี่ยนโลก ร่วมกับ MacGregor น้องชายสุดทันสมัยของเธอ ดร. Houghton ขอความช่วยเหลือจากกัปตัน Frank Wolff กัปตันเรือข้ามฟากผู้หยิ่งผยอง เพื่อนำทางพวกเขาผ่านแม่น้ำอเมซอนที่คดเคี้ยวใน La Quila เรือไม้ที่ว่องไวของเขา บัดนี้ ทั้งสามผู้กล้าหาญได้ดำดิ่งลึกเข้าไปในใจกลางของเขาวงกตสีเขียวที่ทะลุเข้าไปไม่ได้ ค้นหาบางสิ่งที่หาไม่พบ คำสาปที่มีอายุหลายศตวรรษและเจ้าชาย Joachim ผู้สูงศักดิ์ผู้โหดเหี้ยม ขู่ว่าจะยุติแผนการอันทะเยอทะยานของพวกเขา และไม่ช้าก็เร็วป่าก็ชนะเสมอ จริงหรือไม่ที่ Don Aguirre ผู้พิชิตชาวสเปน หลงทางในส่วนเดียวกันของโลกที่พระเจ้าทอดทิ้ง?

IMDB : tt0870154

คะแนน : 8



หนังเรื่องนี้เขาหยิบเอาเครื่องเล่นเรือในสวนสนุกมาต่อยอดเป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซีลี้ลับเหนือธรรมชาติ และเรื่องราวพล็อตการผจญภัยในแม่น้ำแอมะซอน ว่าด้วยเรื่องราวที่ย้อนไปในปี 1912 ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 2 ปี ‘ดร. ลิลี ฮัฟตัน’ (Emily Blunt) นักพฤกษศาสตร์ที่เดินทางจากลอนดอนมาสู่ป่าแอใะซอน ได้ว่าจ้าง ‘กัปตันแฟรงก์ วูล์ฟ’ (Dwayne Johnson) กัปตันเจ้าของเรือล่องแม่น้ำสภาพจวนเจ๊งที่มีชื่อว่า ‘ลา กิลา’ (La Quila) โดยมีภารกิจในการตามหา ‘น้ำตาแห่งจันทรา’ ต้นไม้ในตำนานที่มีความเชื่อว่า ดอกของต้นไม้นี้มีพลังลี้ลับที่สามารถรักษาโรคให้หายได้ โดยในระหว่างทางทั้งคู่ก็จะต้องเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ นานาระหว่างทาง ทั้งตำนานคำสาปที่ถูกปลุกขึ้นจากการหลับไหล และคู่แข่งที่ก็ต้องการน้ำตาแห่งจันทราเพื่อชัยชนะแห่งสงครามเช่นเดียวกัน

ตัวบทเองถ้าใครที่ชื่นชอบหนังดิสนีย์ทำนองนี้ ก็เชื่อได้ว่าน่าจะไม่ผิดหวังล่ะครับ เพราะว่าเป็นหนังแนวถนัดเลย จำพวกหนังผจญภัยหนักซีจีแทรกอารมณ์ขันดูได้ทั้งครอบครัวเนี่ย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ดูได้ทั้งครอบครัวนั่นแหละ แม้ว่าออกจะมีความรุนแรงแทรก ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับโหดเหี้ยมเท่าไหร่นัก เป็นหนังที่เด็ก ๆ น่าจะพอดูได้แบบสบาย ๆ

อีกอย่างในหนังที่ต้องพูดถึงก็คือ ตัวหนังทั้งเรื่องจะมีมุกจัดวางแบบซิตคอมเยอะมาก ๆ ครับ คือตัวบทนี่เรียกได้ว่าคิดทุกเม็ดเพื่อหวังผลด้านความบันเทิงล้วน ๆ ขนาดมุกแป้กที่อีตากัปตันแฟรงค์ วูล์ฟ เล่นกับนักท่องเที่ยว ยังเป็นมุกที่แบบว่า ตั้งใจเจตนาให้ออกมาแป้กแบบจริง ๆ จัง ๆ (555) แต่มุกที่ตั้งใจเอาฮาก็ถือว่าไม่เลวร้ายนะครับ แบบว่าพอเอาไหล่สั่น ๆ ได้ รวมทั้งการดำเนินเหตุการณ์แบบซิตคอม ประเภทเหตุการณ์พามาป๊ะกันแบบบังเอิญ หรือหักมุมแบบฮา ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามสไตล์หนังดิสนีย์เลย เรียกว่าเป็นหนังที่ดูเพื่อความเพลิดเพลินเจริญใจสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง

รวมทั้งตัวหนังเองก็ผสานความเป็นหนังผจญภัยเอาไว้ คือมันก็เป็นหนังผจญภัยนี่แหละ แต่ก็มีการผสมผสานกลิ่นอายจากหนังแอ็กชัน หนังผจญภัยหลาย ๆ เรื่อง ทั้ง ‘Jumanji’ หนังบู๊สู้ผีคืนชีพสไตล์ ‘The Mummy’ หรือแม้แต่หนังสวนสนุกรุ่นพี่อย่าง ‘Pirates of the Caribbean’ ซึ่งก็ทำออกมาได้แบบแฟนตาซีมาก ๆ รวมทั้ง ฉากบู๊สไตล์ Comedy Action นี่ก็เรียกได้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหนังแอ็กชันสไตล์เฉินหลงแบบไม่ต้องสงสัย แม้ว่าจะไม่ได้เน้นหนักมากก็ตาม ส่วนงานซีจีเอาจริง ๆ ความรู้สึกของผู้เขียนก็แอบรู้สึกลอย ๆ หลุด ๆ ในบางจุด โดยเฉพาะน้องเฉือดาว (เสือดาว) ‘พร็อกซิมา’ ที่ทำออกมาได้น่ารักน่าชังมาก ๆ แต่ก็ยังแอบไม่เนียนอยู่บ้าง

อีกจุดที่ถือว่าทำได้เกิดคาดก็คือ เรื่องของบทครับ ที่ตอนแรกหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่หนังล่องเรือผจญภัยเฉย ๆ แต่ที่ทำได้อย่างน่าทึ่งก็คือ ตัวหนังมีพล็อตทวิสต์อยู่หลายจุดเหมือนกัน แต่ก็มีหลัก ๆ ที่ว้าวมาก ๆ อยู่จุดเดียวนั่นแหละนะครับ อันอื่น ๆ ไม่ได้เกินคาดเท่าไหร่ ส่วนอีกจุดที่น่าสนใจคือ เรื่องเกี่ยวกับประเด็นเรื่องเพศสภาพครับ ด้วยความที่ว่าตัวเนื้อเรื่องเล่าย้อนไปในปี 1912 หรือก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 2 ปี แม้ว่าประเด็นก็ยังออกจะซ้ำ ๆ กับหนังเรื่องอื่น ๆ อยู่บ้าง ตั้งแต่เรื่องของการดูหมิ่นดูแคลน ไม่ยอมรับผู้หญิงในแวดวงนักวิทยาศาสตร์ การที่ผู้หญิงใส่กางเกง ไม่ยอมใส่กระโปรง ที่สมัยนั้นถือว่าโคตรแปลก

หรือแม้แต่ ‘แม็กเกรเกอร์ ฮิวจ์ตัน’ น้องชายของลิลี ซึ่งเป็นตัวแทนของ LGBT ที่โดนขับออกจากสังคมเพราะไม่มีใครยอมรับ ซึ่ง ‘Jack Whitehall’ ก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างพอดี ไม่ล้นเกินควร แต่โดยรวม ๆ ทั้งหมดนี้ตัวหนังสามารถแทรกประเด็นเหล่านี้เอาไว้ได้ออกมาพอดี ไม่ถึงกับสั่งสอนหรือยัดเยียด ส่วนนักแสดงหลัก ๆ ทั้งพี่เดอะ ร็อก และเอมิลี บลันต์ ก็ถือว่าเป็นคู่ที่แสดงกันได้อย่างเข้าขามาก ๆ โดยเฉพาะ พี่เดอะ ร็อก หรือ กัปตันแฟรงก์ วูล์ฟ สามารถรับบทกัปตันหนุ่มผู้แพรวพราว ช่างเจรจาได้แบบมีเสน่ห์ดีทีเดียว ชนิดที่ว่าผู้เขียนเองก็แอบอดนึกถึง ‘หนังรถซิ่ง’ เรื่องนั้นไม่ได้จริง ๆ เพราะว่ารายนั้นเค้าแสดงได้แบบว่า หน้าเดียวถ้วนจริง ๆ นะครับ (555)

ส่วนข้อสังเกตนะครับ ด้วยความที่ว่าในหนังเองค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับมุกตลกค่อนข้างมาก เรียกว่าตัวหนังนีี่ขับเคลื่อนด้วยแรงมุกตลกที่หยอดใส่มาเต็มไปหมด แล้วด้วยความที่องก์แรกนั้นเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของพี่กัปตันเองที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์แผนสูงด้วย ก็เลยทำให้กลายเป็นว่าการขับเคลื่อนหนังในช่วงครึ่งแรกนี่ อันไหนที่ดูจริงก็กลายเป็นเล่น ส่วนอะไรที่เล่น ๆ ก็ดูเหมือนไม่จริงซะงั้น ทำให้ในครึ่งแรกนี่เหมือนจะเอาเล่น ๆ จนทำให้ขับเคลื่อนบทเดี๋ยวก็ติดเดี๋ยวก็ดับเหมือนกับเรือในหนังเลย พอติดก็วิ่งฉิว แต่พอดับก็ดับสนิทติดแหง็กซะงั้น แต่พอเข้าช่วงครึ่งหลังก็กลายเป็นว่า กลับดูเอาจริงขึ้น และดูสนุกขึ้นมาก แม้ว่ามุกตลกก็ยังอยู่ แต่ดูจะใส่อย่างถูกจังหวะเวลามากขึ้น และบทแอ็กชันเริ่มทำงานอย่างเต็มที่ เริ่มมีการผจญภัยให้ลุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยทำให้โดยรวมในครึ่งหลังดูสนุกขึ้นอย่างชนิดที่เรียกว่าเหมือนเรือที่เพิ่งซ่อมเครื่องเสร็จแล้ววิ่งฉิวอะไรอย่างนั้นเลย

โดยสรุปรวมแล้ว หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่หนังโปรแกรมใหญ่เข้ามาถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศบ้านเราได้ขนาดนั้น แต่ถ้าใครเบื่อหนังใหญ่ หนังเรื่องนี้ก็น่าจะพอตอบโจทย์สำหรับใครที่อยากดูหนังบันเทิง ฮากรุบกริบแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูจบเดินออกจากโรงแบบยิ้ม ๆ และน่าจะเหมาะแก่การดึงมือบุตร ฉุดมือหลาน ประสานมือแฟนไปโรงหนังสุดสัปดาห์นี้ได้อย่างไม่เสียหลาย ได้อารมณ์ผจญภัยเหมือนได้ไปนั่งเรือล่องแม่น้ำ ผจญภัยป่าผีสิง ดูงู ลอดถ้ำน้ำตก เมืองโบราณ ตกใจใส่คนป่า และสัตว์ป่าในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์อย่างไรอย่างนั้นเลย