ค้นหาหนัง

Kal Ho Naa Ho | กัล โฮ นา โฮ โอ้รักสุดชีวิต

Kal Ho Naa Ho | กัล โฮ นา โฮ โอ้รักสุดชีวิต
เรื่องย่อ : Kal Ho Naa Ho | กัล โฮ นา โฮ โอ้รักสุดชีวิต

เมื่อ นัยนา หญิงสาวคนหนึ่งได้ใช้ชีวิตและอาศัยอยู่กับโรคซึมเศร้ามาโดยตลอด ซึ่งเธอนั้นได้พบกับอามันและเริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิตไปทางที่ดีขึ้น จนเธอนั้นได้ตัดสินใจสร้างวงดนตรีขึ้นมาเพื่อลบล้างความทรงจำเก่าๆ จึงทำให้พวกเธอนั้นได้เผชิญหน้ากับความเลวร้ายที่ต้องฝ่าฟันมันไปในครั้งนี้

IMDB : tt0347304

คะแนน : 8



หัวใจ… ในความคิดของคุณนั้น คุณตีความคำๆนี้ไว้ว่าอย่างไร อวัยวะที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในร่างกาย หรือ การแสดงออกถึงความรู้สึกที่อยู่ลึกๆภายในหลากหลายรูปแบบ หรือ ความรู้สึกแบบหนึ่งที่เป็นเสมือนตัวแทนของ ความรัก ความหมายของคำว่า หัวใจ มันกว้างมากครับ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจแบบรูปธรรม ในลักษณะของอวัยวะ หรือ หัวใจในแบบนามธรรม ในลักษณะของความรู้สึก ในขณะที่เราต่างคนต่างก็ใช้คำว่าหัวใจเปรียบเทียบกับคนเราไปต่างๆนานา แต่แล้ววันหนึ่ง ผู้กำกับหนุ่ม นิคหิล อัตวานี ก็ยกประเด็นของหัวใจในลักษณะทั้งสองแบบมาตีความในเชิงที่อยู่ใกล้กันที่สุด โดยเลือกที่จะถ่ายทอดมันลงไปในภาพยนตร์โรแมนติกสุดซึ้งที่มีชื่อว่า Kal Ho Naa Ho หรือในชื่อไทยว่า โอ้รัก…สุดชีวิต และด้วยการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง รวมทั้งการเลือกที่จะนำเสนอหัวใจทั้งสองรูปแบบในเชิงอบอุ่นและดราม่าได้อย่างลงตัวและกลมกล่อม Kal Ho Naa Ho จึงกลายเป็นภาพยนตร์บอลลีวู้ดที่ฮิตที่สุดในปี 2003 ที่ออกฉาย เพลงประกอบภาพยนตร์บางเพลงยังได้รับความนิยมมาจนปัจจุบัน และกลายเป็นงานมาสเตอร์พีซของผู้กำกับและเหล่านักแสดงไปในที่สุด

Kal Ho Naa Ho นำแสดงโดยพระเอกหนุ่มซุปตาร์ของวงการบอลลีวู้ด ฉายา Bird Bombay (วิหคบอมเบย์) เขาคือ ชาห์รุข ข่าน นั่นเอง ร่วมด้วยนางเอกสาว ปรีตี้ ซินต้า ในบทสาวสองบุคลิก และมือที่สามผู้น่ารักอย่าง เซฟ อาลี ข่าน รวมทั้งนักแสดงหญิงอาวุโสแห่งวงการบอลลีวู้ด ชยา บาจจัน ภรรยาของพระเอกตลอดการแห่งวงการบอลลีวู้ด อมิตาภ บาจจัน มาในบทแม่ของนางเอก ด้วยการแสดงอันเปี่ยมล้นด้วยพลังของเหล่านักแสดง เนื้อเรื่องชุลมุนวุ่นรักที่เพิ่มเติมด้วยซับพล็อตอันน่าสนใจ เพลงประกอบอันไพเราะ และดนตรีประกอบที่กระตุ้นอารมณ์ได้ทุกสถานการณ์ รวมทั้งอารมณ์ของหนังที่มีให้ผู้ชมอย่างครบรส ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา ซึ้ง ทำให้ Kal Ho Naa Ho เป็นหนังที่เต็มอิ่มในทุกอรรถรส และกลายเป็นหนึ่งในหนังรักโรแมนติกที่ดีที่สุดตลอดกาลของบอลลีวู้ด หรือหากจะบอกว่าของโลกก็คงไม่ผิดไปแต่ประการใด

ในมหานครนิวยอร์ก แห่งสหรัฐอเมริกาอันวุ่นวาย และเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ยังคงมีครอบครัวของสาวน้อยลูกครึ่งอินเดีย-ปากีสถาน นัยนา แคทเธอรีน กาปูร์(ปรีตี้ ซินต้า) คือชื่อของเธอ เธออาศัยอยู่ในบ้านที่มีความแตกต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา และทัศนคติส่วนตัว โดยเฉพาะ ลัชโช กาปูร์(สุษมา เศษฐ) ผู้เป็นย่าของนัยนา กับ เจนนิเฟอร์ กาปูร์(ชยา บาจจัน) ผู้เป็นแม่ของนัยนาและลูกสะใภ้ของลัชโช ที่ลัชโชตั้งอคติมาด้วยตั้งแต่ที่เจนนิเฟอร์รับ กิญา(ชนกะ ศุขลา) เด็กหญิงมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ทำให้ลัชโชจงเกลียดจงชังเจนนิเฟอร์และกิญาเป็นอย่างมาก ผิดกับ ศิวะ(อธิต เนกขะ) หลานชายตัวจริงที่ลัชโชทุ่มเทความรักให้อย่างสุดหัวใจ นอกจากอคติที่มีให้กันแล้ว ลัชโชยังเป็นชาวปัญจาบที่นับถือศาสนาซิกข์ ทุกเช้าเธอต้องตื่นขึ้นมาแท็กทีมกับเพื่อนสาวอีกสองคนนั่นคือ กัมโม และ ลัมโม เพื่อสวดบูชาแด่องค์คุรุนานักเทพ ในขณะที่เจนนิเฟอร์เป็นคริสตชนและนับถือพระเยซูและพระผู้เป็นเจ้า นอกจากปัญหาภายในบ้านแล้ว ครอบครัวนี้ยังต้องรับมือกับปัญหาภายนอกบ้านอีกด้วย เพราะร้านอาหารที่พวกเขาเปิดกิจการอยู่นั้นใกล้จะเจ๊งเต็มที จนแบงค์จะมายึดบ้านอยู่รอมร่อ พวกเขาได้แต่สวดภาวนาขอให้สวรรค์ส่งเทวดามาช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นทุกข์ไปซะที

และแล้ววันหนึ่งสวรรค์ก็ส่งเทวดามาให้แก่พวกเขา เขาชื่อ อามัน มธุระ(ชาห์รุข ข่าน) เป็นหลานชายของ จัดดา(ดารา ซิงห์) ตาแก่ข้างบ้านที่ตามจีบลัชโชอยู่ ภายนอกอามันคือชายหนุ่มมาดกวนที่วุ่นวายจนนัยนาไม่ชอบขี้หน้าเขาตั้งแต่แรกเห็น แต่พอนานวันเข้า นัยนาก็เริ่มเห็นความดีในตัวอามัน แท้จริงแล้วเขาเป็นหนุ่มจิตใจดี มองโลกในแง่ดี ทั้งยังมีหัวคิดสุดครีเอท เขาเข้ามาคอยช่วยเหลือครอบครัวของนัยนาจนดีวันดีคืน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยฟื้นฟูกิจการร้านอาหารของนัยนาจนกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ทั้งยังให้ความรักแก่ทุกคนในครอบครัวของเธออย่างเท่าเทียม จนนัยนาค่อยๆรับอามันเข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอไปโดยไม่รู้ตัว โดยหารู้ไม่ว่า โรฮิต ปาเตล(เซฟ อาลี ข่าน) เพื่อนชายที่เรียนเซคชั่นเดียวกันกับเธอ และเป็นเพื่อนที่เธอสนิทที่สุด กำลังแอบหลงรักเธออยู่ อามันเองก็รู้ดีว่านัยนารู้สึกกับเขาอย่างไร ทว่าเขารู้ตนเองดีว่าเขาไม่สามารถที่จะครองคู่กับเธอได้ เพราะอามันเป็นโรคหัวใจที่อาจจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก และอามันก็รู้ดีว่าโรฮิตรู้สึกอย่างไรกับนัยนา เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ทำทุกอย่างให้นัยนาได้ลงเอยกับโรฮิต คนที่ยังมี “โอกาส” มากกว่าเขา

ชื่อของหนังที่ว่า Kal Ho Naa Ho แม้จะจำง่าย แต่หลายคนที่ไม่สันทัดภาษาฮินดีคงต้องมึนตึ้บไม่น้อยหากจะต้องให้แปลประโยคนี้ Kal Ho Naa Ho แปลรวมกันได้ว่า “อาจไม่มีพรุ่งนี้แล้ว” อันเป็นสิ่งที่ทีมผู้สร้างต้องการจะสื่อถึงสิ่งที่สอดแทรกอยู่ในหนังและต้องการจะบอกกล่าวกับผู้ชม โดยเลือกที่จะบอกเล่ามันผ่านตัวละครเอกที่ชื่อ อามัน รวมทั้งถ่ายทอดแนวคิดหัวใจรูปธรรมและหัวใจนามธรรมไปกับตัวละครตัวนี้อีกด้วย โดยมีชนวนใหญ่คือปัญหาโรคประจำตัวของอามัน นั่นก็คือโรคหัวใจนั่นเอง ซึ่งจะเป็นตัวที่กุมความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในเรื่อง และเป็นสิ่งที่ตัวละครหลักต้องคอยรับมือและแก้ปัญหาของมันให้ได้ โดยเฉพาะตัวของอามันเอง ที่เป็นต้นเหตุของโรคนี้และปัญหานี้ ทีมผู้สร้างจึงจัดแจงสร้างให้อามันเป็นตัวละครที่ใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟคท์ ทั้งรูปโฉม คุณสมบัติ และสติปัญญา เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาโดยวิธีอันชาญฉลาด โดยมีจุดอ่อนที่นอกเหนือไปจากโรคหัวใจนั่นก็คือ การไม่ยอมรับความจริง ความจริงที่ว่าเขารักนัยนามาตลอดนั่นเอง

เนื้อหาของหนังในส่วนของพล็อตหลักนั้น อาจจะดูธรรมดาหากเทียบกับหนังรักโรแมนติกทั่วๆไป (โดยเฉพาะเนื้อเรื่องที่มีกลิ่นอายเกาหลีปะปนอยู่ไม่น้อย) ทว่าจุดแข็งที่หามากระชากใจคนดูนั้นกลับเป็นซับพล็อตที่สอดแทรกไปด้วยความรักที่ไม่เพียงแต่มีความรักแบบหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังเพิ่มเติมความรักแบบครอบครัว ประมาณส่งเสริมสายสัมพันธ์และความเข้าใจของคนในครอบครัวไปอีกด้วย โดยเฉพาะในพาร์ทของความไม่เข้าใจและมีอคติให้แก่กันระหว่างแม่และย่าของนัยนา ทั้งยังแฝงคติถึงวิถีชีวิตของชาวอินเดียที่มาอาศัยอยู่ในต่างแดน กับการต้องปรับตัวและเลือกที่จะนำเสนอตนเองสู่สายตาของชาวมหานครที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็น อเมริกัน นิโกร จีน ซึ่งคนเหล่านั้นก็ต้องดำเนินวิถีชีวิตตามแบบฉบับของเชื้อชาติตนเองเช่นกัน การที่ต้องปรับตัวกับสังคมอื่นที่ไม่ใช่สังคมฉบับเดิมของตนเองให้พร้อมไปกับการรักษาขนบธรรมเนียมของเชื้อชาติมาตุภูมิของตนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่เพียงแต่ภาษาเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดและดำรงชีวิตในพื้นที่ต่างเชื้อชาตินี้ได้ หนังอินเดียที่ใครๆชอบบ่นว่ายาวเว่อร์ ก็ได้ถูกใช้เวลาที่มีอยู่สามชั่วโมงนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยเอามาสอดแทรกซับพล็อตเหล่านี้ให้หนังดูมีความสมบูรณ์และได้สาระและอรรถรสมากยิ่งขึ้น

นอกจากซับพล็อตอันละเอียดอ่อน และแฝงแง่มุมกับสาระที่นอกเหนือไปจากความรักแบบหนุ่มสาวตามแบบฉบับที่หนังรักโรแมนติกทั่วไปที่ใช้กันและลืมเลือนข้อสำคัญในจุดของครอบครัวไปแล้ว ความรักแบบเพื่อนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีบทบาทไม่น้อยในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นความรักของเพื่อนสาวกับเพื่อนสาว ระหว่างนัยนากับ สวีตตู(เทลนาส พอล) เพื่อนสาวร่างเจ้าเนี้อที่ไม่เคยกังวลกับเรื่องน้ำหนักขึ้นเลย และมักจะเอาปัญหามาปรึกษากับนัยนาตลอด โดยเฉพาะเรื่องการตามหาชายในฝัน หรือจะเป็นความสัมพันธ์ของเพื่อนชายกับเพื่อนชาย ระหว่างอามันกับโรฮิต ที่ในช่วงครึ่งหลังของเรื่องอามันจะให้คำแนะนำแก่โรฮิตในการเอาชนะใจของนัยนาให้ได้ หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์แบบเพื่อนชายกับเพื่อนหญิงที่ง่ายดายต่อการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกไปเป็นความรู้สึกของคนรักที่แน่นอนว่าหลายคนต้องเคยผ่านพ้นมา ระหว่างโรฮิตและนัยนา ความสัมพันธ์ของพวกเขาทุกคู่ล้วนเป็นไปตามความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ลึกลงไปอีกขั้นหนึ่งระหว่างอามันกับโรฮิต และโรฮิตกับนัยนา โดยอามันนั้นต้องการให้โรฮิตมีความสุขกับคนที่เขารัก แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับที่อามันรักก็ตาม และโรฮิตเองก็พร้อมที่จะหลีกทางทันทีที่รู้ว่าคนที่นัยนารักคืออามัน ก่อนที่จะได้รับกำลังใจและคำแนะนำจากอามันให้ลุกขึ้นมาสารภาพความจริงกับนัยนาในที่สุด

หนังอินเดียที่ใครๆชอบบ่นว่ายาวเว่อร์ ก็ได้ถูกใช้เวลาที่มีอยู่สามชั่วโมงนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยเอามาสอดแทรกซับพล็อตเหล่านี้ให้หนังดูมีความสมบูรณ์และได้สาระและอรรถรสมากยิ่งขึ้น แถมบทเพลงอันไพเราะตามสไตล์ภารตะที่หาจังหวะมานำเสนอในรูปแบบของมิวสิควิดีโอได้อย่างลงตัวและถูกจังหวะจะโคน พูดถึงเพลงในเรื่องนี้แต่ละเพลงนั้นเรียกได้ว่าไพเราะและกระตุ้นอารมณ์ให้กับผู้ชมได้อย่างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะเพลงในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง หลังผ่านพักครึ่งเวลาหรือ intermission ไปแล้ว(หนังอินเดียมีความยาวมากกว่าหนังจากประเทศอื่นๆ เพราะต้องมีการใส่ฉากเพลงเข้าไปด้วยทำให้บวกเวลามาอีกหลายสิบนาที จึงมีการพักครึ่งเวลา หรือที่เรียกว่า intermission เพื่อให้ผู้ชมที่เข้าชมในโรงมีโอกาสได้ไปพักเข้าห้องน้ำ หรือทำธุระส่วนตัว แล้วค่อยกลับเข้ามาชมภาพยนตร์ต่อในเนื้อเรื่องช่วงครึ่งหลัง อนึ่ง หนังบอลลีวูดหลายเรื่องจึงต้องปูเนื้อเรื่องให้จบครึ่งแรกอย่างน่าติดตาม เพื่อให้ผู้ชมมีความสนใจที่จะกลับเข้ามาชมเนื้อเรื่องในครึ่งหลัง แต่กับยุคสมัยนี้ที่มี DVD และ Bluray ครองเมือง การเลือกฉากที่ชอบในแผ่นมาชม คงพอจะสร้างความสะดวกให้แก่ผู้ชมได้บ้าง)

ผมดู Kal Ho Naa Ho อย่างเพลิดเพลิน ตลอดเวลาสามชั่วโมง มันผ่านไปเร็วราวกับแค่สามสิบนาทีเท่านั้น แต่เมื่อดูจบแล้วก็รู้สึก “อิ่ม” ขึ้นมาทันตาเห็น อิ่มกับความยาวของหนังที่ดูกันแบบสะใจ อิ่มกับบทเพลงอันไพเราะประทับใจ อิ่มกับอารมณ์ Feel Good ในหนังที่แม้จะดราม่าเพียงใด แต่ก็ยังปรากฏรอยยิ้มเล็กๆจากสถานการณ์ต่างๆในเรื่อง ทำให้เมื่อดูจบแล้วมีความสุขมากกว่าจะมานั่งเสียใจในโชคชะตาของตัวละครแต่ละตัว อิ่มกับสาระต่างๆในเรื่องที่ให้อะไรได้มากกว่าหนังรัก และอิ่มกับอารมณ์โรแมนติกที่ผู้สร้างสื่อความรักในหลายๆด้าน และเป็นหนังรักที่ทำได้เหนือกว่าหนังรักทั่วๆไปหลายเท่าตัวนัก หนังสอนให้คนเรารู้จักใช้ชีวิตหนึ่งในชาตินี้อย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ดังเช่นการกระทำของอามันที่สร้างความสุข และคอยแก้ปัญหาให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง และพยายามผลักดันให้นัยนา ผู้หญิงที่เขารักมีความสุขที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัวหรือเรื่องของหัวใจก็ตาม โทนหนังทั้งหมดของเรื่องอยู่ในมุมที่อบอุ่น และดูสบายๆ แม้ชีวิตจริงอะไรๆหลายๆอย่างอาจจะไม่บังเอิญและง่ายดายแบบที่ปรากฏใน Kal Ho Naa Ho แต่ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า หากคุุณมีความรัก และพร้อมที่จะให้คนที่คุณรักมีความสุข เรื่องราวแบบใน Kal Ho Naa Ho อาจจะเกิดขึ้นกับคุณในชีวิตจริงๆก็ได้ และอาจจะดีกว่า ง่ายดายกว่าด้วยซ้ำ ขอแค่คุณ “เสียสละ” เพื่อ “รัก” ได้ เท่านั้นก็นับว่าได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับชีวิตแล้ว