ค้นหาหนัง

Marathon ปาฏิหาริย์รักจากแม่

Marathon ปาฏิหาริย์รักจากแม่
เรื่องย่อ : Marathon ปาฏิหาริย์รักจากแม่

Running Boy เป็นเรื่องจริงของเด็กหนุ่มที่เป็นโรคออธิสติควิ่งพยายามแสดงความสามารถของตัวเองให้โลกเห็นการวิ่งมาราธอน ยุนโชวอน (โจซึงอู) ในวัยเด็กนั้น ก็เป็นเหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป เขาชอบกินคุกกี้ช็อกโกแลต และรักม้าลายเป็นชีวิตจิตใจ แต่เมื่อเขาอายุ 5 ขวบ คยองซุค (คิมมีซุก) แม่ของเขาก็ได้ พบว่าโชวอนเป็นเด็กออธิสติค ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เป็นสิ่งที่ยากสำหรับแม่ทุกคนจะยอมรับได้ หลังจากวันนั้นคยองซุคจึงทุ่มเทเวลาและความรักทั้งหมดให้แก่โชวอน เพื่อให้เขาสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเอง และปรับตัวให้เข้ากับสังคมภายนอกได้ และ 15 ปีต่อมา โชวอนวัย 20 ปีแต่มีสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กวัยเพียง 5 ขวบ แต่ดูเผิน ๆ แล้ว โชวอนไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปเลย หลาย ๆ ครั้งที่โชวอนได้สร้างปัญหาให้กับแม่ แต่ด้วยความรักที่เธอมอบให้แก่โชวอน และเมื่อเธอได้ค้นพบว่าเขาชอบการวิ่ง เธอจึงให้เขาวิ่งมาราธอนอย่างหนักจน โชวอนสามารถผ่านการวิ่งในรายการมาราธอนที่คยองซุคซึ่งสำหรับนักวิ่งสมัครเล่นแล้ว จะต้องผ่านการวิ่งในเวลาที่ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งโชวอนสามารถทำได้สำเร็จจนเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วประเทศ

IMDB : tt0448621

คะแนน : 8



ภาพยนตร์สะท้อนชีวิตของเกาหลี ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของหนุ่มนักวิ่งมาราธอนที่เป็นโรคออธิสติคเรื่องนี้ กำลังเป็นหนังที่ทำรายได้เป็นประวัติการณ์ประจำปี 2005 ไปแล้ว หลังจากที่เปิดตัวในปลายเดือนมกราคม ด้วยอันดับที่ 2 (ผู้ชม 695,000 คน) จนถึงตอนนี้ Running Boy ทำสถิติผู้ชมไปแล้วถึง 4.2 ล้านคน ซึ่งนับเป็นหนังที่มียอดผู้ชมสูงสุดอันดับ 1 ของปี 2005 เลยทีเดียว

Running Boy ไม่ได้เป็นแค่หนังที่พูดถึงแค่ความพยายาม และความสามารถของเด็กออธิสติคเท่านั้น แต่ผู้กำกับได้หยิบเรื่องราวที่สะท้อนชีวิตในแง่มุมของผู้เป็นแม่ ที่ต้องรับภาระและความกดดันต่างๆ อีกด้วย

ผู้กำกับ ชุง ยุน-ชุล

ผู้กำกับชุง ยุน-ชุลใช้เวลาร่วม 2 ปี ในการติดตามดูชีวิตของเบเฮียงจิน หนุ่มมาราธอนตัวจริงและ ปาร์ค มีเจียงผู้เป็นแม่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแข่งขันมาราธอน และการเดินทางไปตามที่ต่างๆ เพื่อใช้เวลาศึกษาชีวิตของคนที่เป็นออธิสติคอย่างเต็มที่

เมื่อตอนที่ ชุง ยุน-ชุล ไปขออนุญาตเพื่อที่จะนำเรื่องราวของเบเฮียงจินไปสร้างเป็นภาพยนตร์นั้น คุณนายปาร์ค ได้บอกกับเขาว่า “ถ้าเรื่องราวของเฮียงจินเป็นหนัง และทำให้ผู้คนเข้าใจผู้ป่วยออธิสติคได้ดีขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ยินดีมาก ” ส่วนเบเฮียงจินก็ได้กล่าวถึงผู้กำกับชุง ยุน-ชุลว่า “ผมชอบพี่ผู้กำกับฮะ เขาดีกับผมมากจริงๆ” คุณนายปาร์คกล่าวเสริมว่า “จริงๆ แล้วรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ การที่เบเฮียงจินเริ่มเปิดใจ และรู้จักที่จะคบหากับผู้คนหน้าใหม่ๆ มากขึ้น มันจะทำให้เขาใกล้ชิดกับโลกภายนอกมากขึ้นอีก ฉันดีใจมากๆ” นอกจากนี้ คุณนายปาร์คได้ฝึกลูกชายให้เล่นกีฬาหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่นกีฬาว่ายน้ำ และการวิ่งมาตั้งแต่เขาอายุได้ 10 ขวบอีกด้วย