ค้นหาหนัง

Out Live | เดชคัมภีร์บีชุนมู

Out Live | เดชคัมภีร์บีชุนมู
เรื่องย่อ : Out Live | เดชคัมภีร์บีชุนมู

จินฮา เด็กหมุ่นที่เคยมีเชื้อสาย(Hyeon-jun Shin)มีความผูกพันระหว่างกันกับซัลหลี(Kim Hee seon)ที่ค่อยเปลี่ยนไปจากเพื่อนสนิทจนเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่ทว่าทารูกะ(Hak-cheol Kim)พ่อของซัลหลีต้องการย้ายไปที่อื่น ทำให้จินฮากับซัลหลีต้องพลัดพรากจากกัน แต่ด้วยความรักที่มีต่อกันทำให้จินฮากับซัลหลีมีคำสัญญาต่อกันที่ว่าจะคอยรออยู่ เมื่อเวลาผ่านไปจิฮาได้ค้นพบตัวเองที่แท้จริงแล้วว่ามีต้นตอมาจากไหนและนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่าระหว่างเขากับทารูกะคือศัตรูต่อกัน แต่แล้วการเป็นปรปักษ์กับทารูกะทำให้จินฮาเกือบต้องจบชีวิตลงไป ด้วยระยะเวลาที่เหินห่างเมื่อจินฮากลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้งกลับต้องพบเรื่องราวการเปลี่ยนไปมากมาย ด้วยความแค้นที่มีมากมายทำให้จินฮากลายเป็นหน่วยหัวหน้าสายลับบิชุนที่เป็นมือสังหารที่เหี้ยมโหดและเปลี่ยนชื่อเป็น จาฮาลาง ที่จะกลับจัดการทารูกะอีกครั้ง และนั้นเองทำให้ต้องพบกับซัลหลีอีกครั้งแต่ด้วยความสัมพันธ์และเรื่องราวที่เปลี่ยนไปมากมายทำให้ทั้งคู่ได้แปรความผูกพันของความรักต่างไปจากเดิม

IMDB : tt0278351

คะแนน : 7



บรรยากาศของเรื่องเต็มไปด้วยเรื่องสะเทือนใจที่หนักหนาสาหัสมากมาย ที่ครอบคลุมเรื่องรัก สงคราม ได้น่าสลดเพราะไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของหนังล้วนอัดเต็มไปด้วยเรื่องราวของชีวิตที่เกิดขึ้นแบบเจ็บช้ำเศร้าใจ คงจะกล่าวได้ว่านอกจากจะเป็นหนังแอ็คชั่นฟันดาบหมุนสิบตลบแล้วยังเป็นแนวดราม่าที่กินใจชนิดน้ำตาคลอกันเป็นแถว ด้วยเนื้อเรื่องที่เริ่มด้วยความสดใสมีกลิ่นอายของความรักแรกอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งความรักที่จะอยู่ด้วยกันต้องพลัดพราก ทำให้เกิดเรื่องราวๆต่างๆมากมายหลังจากนั้น อีกทั้งยังมีปมประเด็นซ่อนเงื่อนที่ใส่เข้ามากันไม่ยั้ง ซึ่งจากช่วงแรกที่มีเนื้อหาไม่หนักหน่วงมากกลายเป็นมีประเด็นที่โยงสัมพันธ์กันไม่ขาดสาย 

ในด้านของพล็อตเรื่องเป็นการเสนอที่เริ่มจากจุดเล็กจุดสองจุดที่แผ่เรื่องราวไปไกลจากต้นแบบคนละเรื่องที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเรื่องความรักที่ใส่เข้ามาตั้งแต่ต้นไม่ได้เสื่อมลงแต่ยิ่งเห็นความสำคัญของความผูกพันที่ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น

ฉากการต่อสู้จัดว่าดุเดือดเลือดพล่าน ฟันกันได้หนักหน่วง เร้าใจกันได้อย่างสนุกแบบไม่พักเหนื่อย ในระหว่างฉากแอ็คชั่นบางฉากมีการผสมผสานแนวดนตรีที่ใกล้เคียงกับ Mortal Kombat (1995)ผลก็เลยออกมาเร้าใจแถมสนุกตื่นเต้นแบบไม่หน่วง แต่แค่บางช่วงเท่านั้นไม่ได้มีมากเดี๋ยวกำลังภายในป่วนหมด แรกๆการต่อสู้ยังไม่มันส์เท่าตอนหลังที่ใส่กันแบบให้จบๆไปข้างหนึ่ง แรกได้ว่างานนี้เจ็บหนักแต่ที่เจ็บจริงๆคือเจ็บใจ ซึ่งนั้นทำให้อารมณ์ของหนังเปี่ยมด้วยความน่าเห็นใจ

เห็นแบบนี้แต่แท้จริงแล้ว Bichunmoo เป็นหนังแนวกำลังภายในที่มิใช่ของฮ่องกงแต่อย่างใด แต่เป็นของเกาหลีซึ่งได้ถ่ายทำในประเทศจีน และได้ทีมงานกำกับคิวแอ็คชั่นจาก The Swordsman (1990) เดชคัมภีร์เทวดา เป็นผู้กำกับ ทำให้ตัวหนังมีกลิ่นอายของแนวกำลังภายในจากจีน อีกทั้งยังมีปมเรื่องการแก้แค้นที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังกำลังภายในอย่างเห็นได้ชัด ถึงกระนั้นไม่ใช่ว่าจไม่มีความเป็นเกาหลีอยู่ โดยเริ่มจากที่ไม่เหมือนหนังจีนคือมีการจูบ ซึ่งมักพบเห็นได้น้อย

ว่าแล้วหนังได้ฉายในประเทศเกาหลีใต้และประสบความสำเร็จอย่างสูงและทำรายได้อย่างงดงาม จนเป็นที่ต้องการของผู้ชมจนเกิดความฮิตสร้างต่อเป็นซี่รีย์ในเวลาต่อมา แต่ด้วยเสียงวิจารณ์กลับออกมาไม่ค่อยจะดีนัก ถึงแม้ว่าจะมีคำชมในด้านเทคนิคและการถ่ายทำที่สร้างออกมาได้อย่างสนุกเร้าใจ แต่ทว่าอารมณ์และบทภาพยนตร์กลับทำได้ไม่ดีนัก จนมีนักวิจารณ์ในประเทศเกาหลีใต้เองวิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่แย่ที่สุดของ Kim Hee seon นักแสดงนำหญิงในเรื่องเลยทีเดียว 

แต่ในความคิดส่วนตัวเห็นด้วยแค่บางส่วน ถึงในแต่ละส่วนจะยังไม่ดีมากนักแต่เมื่อนำมาเป็นโดยรวมกลับทำให้เป็นอีกเรื่องที่สนุกแอ็คชั่น-ดราม่าได้อย่างดี ที่มีเสียคงต้องที่บทที่วางพล็อตเรื่องไม่แข็งมากพอกับช่วงแรกที่มีเหตุบังเอิญไปหน่อย เมื่อข้ามพ้นพล็อตเรื่องจากช่วงแรกจะพบว่ามีเนื้อหาที่ดีและแข็งแรง และส่งผลให้บทบาทยังอ่อนอยู่กับบางตัวละครที่เดี๋ยวมาเดี๋ยวหายเกิดอารมณ์แบบขาดช่วงกับตัวละครนั้นๆ ซึ่งแตกต่างจากช่วงแรกที่เจาะจงได้เข้าถึงกับตัวละครนั้น ถึงแม้จะมีข้อดีข้อเสียที่ทำให้หนังดูอ่อนแอ แต่มีจุดแข็งของความรักที่เกิดขึ้นจากหวานกลายเป็นข่ม หรือจะข่มกลายเป็นหวาน ได้น่าชื่นชม

Bichunmoo มีความยาวที่ร่วมจะ 2 ชั่วโมงเต็มกลับไม่ได้รู้สึกว่าหนังจะดำเนินได้ยาวสักเพียงใด แต่อยากให้ขยายจุดบางจุดให้ละเอียดยิ่งขึ้นมาอีก ทั้งเรื่องความในใจของตัวละครที่เกิดขึ้นจากความรักจนเป็นเรื่องที่ต้องเสียสละ ที่ถึงแม้จะยังไม่ได้รักเขากลับตอบก็ตาม

ถ้า Bichunmoo วางโครงเรื่องและใส่เนื้อหาให้ละเอียดมากกว่านี้จะทำให้เรื่องราวของหนังเป็นไปด้วยความผูกพันสุดจะเศร้ายิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นบางตัวละครนั้นถ้าเพิ่มปมในใจเข้าไปอีกจะยิ่งมีอารมณืที่สะเทือนใจยิ่งขึ้นทำให้เนื้อเรื่องจะเต็มไปด้วยปัญหา ซึ่งจะกลายเป็นตอนจบของเรื่องโศกนาฏกรรมในท้ายที่สุด 

เสน่ห์ที่เย้ายวนคือเรื่องราวที่ไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยประเด็นหนักๆ แต่ดีมากกับความต่อเนื่องของเนื้อเรื่องที่ดำเนินไม่หยุดและจริงจังตลอด การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นดูจะยังไม่เด่นมากเท่าไร ยิ่งพล็อตเรื่องการขโมยคัมภีร์กระบี่สะท้านภพเหมือนจะมีแค่ผ่านๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นหนังรักเสียมากกว่าแอ็คชั่น ด้วยที่ว่ามีสภาพแวดล้อมและมุมกล้องที่ไม่ถ่ายกว้างทำให้สิ่งที่เจาะจงมากที่สุดคือตัวละคร ทำให้เห็นการแสดงผ่านสีหน้าที่เรียกว่ากินใจผู้ชมและเข้ากับบทบาทได้อย่างลึกซึ้ง ที่ทั้งร้ายก็ไม่ต้องบอกก็รู้หรือจะเศร้าที่เริ่มหนองน้ำตา

Kim Hee seon แสดงได้ดีและยังสวยอีกด้วยเหมาะกับการรับบท เพราะการแสดงนั้นเป็นไปได้เข้ากันดี เนื่องจากทั้งเรื่องจะมีหน้าซึมเศร้าเสียมาก และนั้นทำให้เรียกสปริตการแสดงได้เข้าขั้นจริงๆ ส่วนนักแสดงอื่นๆแสดงได้ดีอาจมีแอบแข็งนิดๆแต่ก็เหมาะสมถ้าเข้าใจถึงนิสัยตัวละคร แต่ที่จะโดดเด่นไม่แพ้ Kim Hee seon คือพระเอก Hyeon-jun Shin ที่ไม่ใช่พ่อพระเสมอต้นเสมอปลาย เพราะในเรื่องมีอารมณ์ที่ขุ่นมัวแอบซ่อนอยู่ระหว่างศึกรักทั้งภายนอกและภายใน เวลาแสดงให้น่ากลัวก็น่ากลัวจริง ยิ่งสายตาที่แน่วแน่ไม่กระพริบยิ่งบ่งบอกได้ถึงอำนาจที่โดนข่มกันแล้ว ในเรื่องดูแล้วจัดว่าเข้ากันได้ดี ความสำคัญอีกอย่างคือพระเอกไม่ได้เรียบร้อยเหมือนคุณชายแต่เป็นคนธรรมดาที่กลายเป็นนักดาบ จะเห็นได้ว่าดูโทรมเป็นพิเศษโดยเฉพาะผมที่ยุ่งเหยิง 

เพลงประกอบมีทำนองที่ไพเราะน่าลุ่มหลงเป็นอย่างมาก สื่ออารมณ์ได้ตรงประเด็นในความรักที่แผ่ซ่านกินใจกับดนตรีที่ใส่เป็นช่วงๆและแต่ละช่วงก็เข้ากับฉากนั้นจริงๆ เหมือนโดนตีเข้าสถานการณ์นั้นๆทั้งที่เป็นผู้ชม นอกจากเรื่อราวของหนังแล้วเมื่อได้เพลงประกอบขับกล่อมดนตรียิ่งรุกล้ำอารมณ์ได้ทวีคูณจนอินกับหนังไปเลย

Bichunmoo คือตัวหนังที่มีดีในแทบทุกด้านแต่ไม่แข็งเรื่องบท แต่สื่ออารมณ์ได้อ่อนไหวตรงใจ ใครชอบหนังพวกดราม่าคงได้ร้องไห้อย่างแน่นอน