ค้นหาหนัง

Sayumkui 1 | สยึ๋มกึ๋ย ภาค 1

Sayumkui 1 | สยึ๋มกึ๋ย ภาค 1
เรื่องย่อ : Sayumkui 1 | สยึ๋มกึ๋ย ภาค 1

เกี้ย พนักงานในบริษัท แอบหลงรักอรอุมา ผู้เป็นเจ้านายและเป็นว่าที่เจ้าของบริษัท เพราะพ่อของเธอจะให้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทในอีกไม่กี่วัน ทำให้พิศาล ผู้เป็นอาวางแผนฮุบบริษัท ด้วยการไปว่าจ้างอาจารย์เดช ผู้มีอำนาจมนต์ดำ อรอุมาจึงเหมือนคนถูกผีเข้าและควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก่อนที่จะเป็นอะไรมากกว่านั้น อาจารย์ส่วย ที่มีอาคมแก่กล้าอีกคนก็มาระงับเหตุได้ทัน อาจารย์ส่วย ขอให้เกี้ยที่สนิทกับเขาเป็นการส่วนตัวและยังเกิดราศีสิงห์ที่จะข่มอำนาจมนต์ดำในตัวอรอุมาได้ช่วยชั่วคราวพาเธอไปรักษากับศิษย์ผู้พี่ของอาจารย์ส่วยที่เชียงใหม่ในคือจันทคราสที่จะมาถึงในคืนมะรืนนี้ โดยที่เกี้ยมีเพื่อนสนิทสองคนคือ ต๋อง และอ๋า เดินทางไปด้วย ระหว่างทางคนทั้งสามต้องเผชิญกับอาถรรพ์มนต์ดำมากมาย

IMDB : tt15085510

คะแนน : 0



สยึ๋มกึ๋ย เป็นหนังผีเบาสมองบวกผจญภัยในความทรงจำครับ ออกตัวเลยว่าชอบมาก ชอบตั้งแต่สมัยดูในโรง ออกวีดีโอก็ตามเก็บ (จำได้เลยว่าสมัยนั้นวีดีโอหนังไทยจะค่อนข้างหายาก หาอยู่หลายร้านกว่าจะเจอ) และจนทุกวันนี้เข้าสู่ยุคสตรีมมิ่งแล้ว ผมก็ยังคงเอามาดูอีกยามว่าง

เป็นหนังไทยที่ทำออกมาได้สนุกครับ ดูเพลิน เป็นส่วนผสมที่พอเหมาะระหว่างหนังฮาสไตล์วัยรุ่นยุคนั้นบวกเข้ากับเรื่องราวผีสางมนต์ดำที่อาจจะน่ากลัวนิดๆ แต่ก็ไม่มากครับ ส่วนมากจะเป็นผีฮามากกว่า (นี่ก็เป็นสไตล์ประจำของหนังผีไทย-ผีจีนยุคนั้นเหมือนกัน)

ตัวเอกคือ 3 หนุ่ม เกี้ย (สุรศักดิ์ วงษ์ไทย), อ๋า (ศุภกร อุดมชัย) และ ต๋อง (ธัชชัย ปาละกูล) ที่ได้รับภารกิจพาตัวอรอุมา (วาสนา พูนผล) เจ้านายสาวสวยของพวกเขาขึ้นไปเชียงใหม่ เพื่อรักษาอาการมนต์ดำที่มีคนทำใส่เธอ แน่นอนว่าระหว่างทางพวกเขาก็ต้องเจอกับฤทธิ์ของสารพัดผี และยังต้องตามหาหม้อราหู ของวิเศษหนึ่งเดียวที่สามารถล้างมนต์ดำที่อรอุมาโดนได้

และถ้าพวกเขาหาหม้อมาทำพิธีไม่ทันเวลาล่ะก็ เจ้านายของพวกเขาก็จะต้องตายสถานเดียว

สยึมกี๋ย เป็นหนังไทยที่ทำออกมาได้ดีเรื่องหนึ่งเลยครับ โอเค มันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุกภาคส่วน แต่มันลงตัวกำลังเหมาะ อย่างการเล่าเรื่องก็มีแก่นและทิศทางชัดเจน ไม่ได้เล่านอกเรื่องไปทางโน้นทางนี้ หนังเลยมีจุดโฟกัสให้เราติดตาม ความสนุกก็ถือว่าไม่น้อย เนื้อเรื่องมีปมให้ตาม ระหว่างทางก็มีอะไรฮาๆ แทรกลงไปเป็นน้ำจิ้ม บางช่วงก็มีความตื่นเต้นชวนลุ้นผสมลงไป ทั้งหมดนี้ทำให้หนังสร้างความบันเทิงได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

เหล่าดาราก็ทำหน้าที่กันได้ดีครับ 3 ตัวเอกของเราก็ไหลลื่นไปกับบท คาแรคเตอร์ชวนจดจำ ดึงดูดความสนใจคนดูได้ดี โดยเฉพาะพี่เอ็ม สุรศักดิ์ที่สมัยนั้นถือเป็นไอดอลคนหนึ่งเลยครับ เท่ห์มาก แล้วในเรื่องยังมีอาจารย์ปราบผีอีก 3 คน ได้แก่ อาจารย์ปุ๋ย (สมชาย เปรมประภาพงศ์) ศิษย์พี่ใหญ่, อาจารย์ส่วย (ตรี บุญทิวากร) ศิษย์น้องเล็ก และอาจารย์เดช (วัชระ ปานเอี่ยม) ที่เป็นวายร้ายก่อเรื่องในครั้งนี้ แต่ละอาจารย์ต่างก็สลับกันขโมยซีนตามโอกาสจะอำนวยครับ และโดยส่วนตัวแล้วผมว่าบทของ 3 อาจารย์นี้ช่วยเติมเต็มอะไรหลายๆ อย่างให้กับหนังได้ดีพอสมควร

ส่วนดาราสมทบคนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นกันครับ โดยเฉพาะกลุ่มพี่ๆ กลิ่นสีที่มาเสริมฮาในช่วงท้ายเรื่องตามความถนัด

ผมชอบที่หนังสามารถดึงดูดความสนใจเราได้เรื่อยๆ น่ะครับ อย่างปกติตอนต้นเรื่องตอนปูพื้นนี่มันอาจจะเรื่อยๆ ไม่ค่อยน่าสนใจนัก แต่กับเรื่องนี้หนังใช้ช่วงเวลาตอนต้นแนะนำตัวละครได้อย่างเข้าท่า แต่ละคนโผล่มาปุ๊บเราก็จำได้ปั๊บ โดยใช้เวลาไม่นานนัก หรือกระทั่งช่วงผีหลอกแบบฮาๆ ตามสูตรสำเร็จ (ทั้งในช่วงต้นและช่วงหลัง) ที่แม้จะเป็นอะไรเดิมๆ แต่ก็ยังทำออกมาได้เพลิน ดูสนุกดี

แล้วพอหนังเข้าเรื่องว่าด้วยอรอุมาโดนผีเข้าหนังก็เดินหน้าเต็มตัวครับ หนังผลัดกันใช้ฉากที่มีเทคนิคพิเศษ + มุกฮา + การผจญภัยฝ่าผี เวียนกันมาขึ้นจอคอยดึงให้คนดูติดตาม และองค์ประกอบหนึ่งที่ผมยกนิ้วให้เลยก็คือดนตรีประกอบจากฝีมือของจำรัส เศวตาภรณ์ ที่บรรเลงออกมาได้อารมณ์ มีความเป็นหนังลึกลับ มีกลิ่นอายหนังผี แล้วบางแทร็คก็ใส่ความอลังการแทรกลงไปเสริมความตื่นเต้นให้กับหนังได้เป็นอย่างดี

อีกอย่างที่ชอบคือกิมมิคลูกเล่นในเรื่องครับ อย่างกระดาษ 3 สีที่อาจารย์ส่วยให้กับพวกพระเอกไว้ ให้เปิดอ่านยามมีเรื่องคับขัน หรือเงื่อนไขต่างๆ ในเรื่องที่หากไม่ทำตามแล้วผีจะดุขึ้น (เช่น ต้องไหว้ศาลเพียงตา หรือต้องให้คนราศีสิงห์อยู่ใกล้คนโดนมนต์ดำ) อะไรเหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบดีๆ ที่ทำให้หนังไม่โล่งโถง และทำให้หนังดูมีอะไรมากขึ้น ซึ่งหนังผีที่สนุกๆ ในสมัยนั้น (ไม่ว่าจะของไทย จีน หรือฝรั่ง) ต่างก็ต้องมีลูกเล่นประมาณนี้ทั้งสิ้นครับ

หนังกำกับโดย ธนิตย์ จิตนุกูล ครับ เป็นงานที่ผมชอบเป็นอันดับต้นๆ ของเขาเลย หนังออกมาได้พอดีพอเหมาะ ไม่เลอะเทอะ ไม่นอกเรื่อง มีครบทั้งความสนุก ความลุ้น และความสยองนิดๆ ช่วงท้ายก็ทำได้ตื่นเต้นดี แม้หลายอย่างจะเป็นสูตรสำเร็จ แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่กระชับ และการลำดับเรื่องที่พอดี ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวให้ออกมาได้สนุกพอตัว – บางช่วงนี้ถือว่าเร้าใจใช้ได้ทีเดียวครับ

จำได้ว่าตอนออกฉายหนังดังมากครับ ฮิตจนต้องมีการทำภาคต่อออกมา แต่ก็บอกได้ตรงนี้เลยว่าภาคแรกนี้ถือว่าสนุกสุด ลงตัวสุด และน่าจดจำสุดแล้วครับ

ใครอยากดูหนังผีสนุกๆ หรืออยากดูหนังไทยในอดีตที่เข้าท่าๆ ล่ะก็ ขอเสนอเรื่องนี้เลยครับผม