ค้นหาหนัง

Shooter

Shooter | คนระห่ำปืนเดือด
เรื่องย่อ : Shooter

บ็อบ อดีตพลแม่นปืนสอดแนมนาวิกโยธิน ถึงแม้จะแยกตัวเองออกจากสังคมเพื่อเก็บตัวอยู่ในที่ซ่อนบนเขาอันแสนห่างไกลแล้วก็ตาม แต่บ็อบยังได้รับการทาบทามจากนายทหารผู้เกษียณงาน ผู้บอกเขาว่าประเทศชาติกำลังต้องการตัวเขา ความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้ามาและมีเพียงเขาที่มีความชำนาญและความเชี่ยวชาญในการยิงปืนระยะไกลเท่านั้นที่สามารถหยุดเหตุร้ายนี้ได้.M.

IMDB : tt0822854

คะแนน : 10



บางครั้งคนรักหนังไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากหนังดูสนุกซักเรื่อง ส่วนจะใหม่หรือไม่ก็ไว้ว่ากันอีกที

หลังจาก The Matrix และ The Sixth Sense ปลุกกระแสไอเดียใหม่ๆ ขึ้นในวงการหนัง สารพัดผู้สร้างก็พยายามหาความใหม่ใส่ลงบท ไม่ว่าจะผูกเรื่องแบบแปลกๆ ไม่ก็เอาหนังตะวันออกมาทำเป็นตะวันตก เอาคนตะวันตกมาทำหนังตะวันออก ไขว้กันสรางความแปลกใหม่เพียบไปหมด

ทำอย่างนั้นมันก็ดี มีความหลากหลายเยอะขึ้น แต่คนรักหนังที่ต้องการแค่ความบันเทิงง่ายๆ ได้แต่รอเงก เพราะคนมีฝีมือพากันไปหาของใหม่ ส่วนพวกมือใหม่ก็มาทำของเก่า รสชาติดูได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตามบุญกรรม

ผมก็เข้าข่ายประเภทที่ว่า ดูหนังครีเอทมาจนล้าก็อยากดูหนังเอนหลังสบายๆ กับเขาเหมือนกัน

ประจวบเหมาะไปเอา Shooter มาดูก็บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ตรงตามต้องการเป๊ะ

จริงๆ แนวเรื่อง Shooter มันคุ้นเคยมากนะครับ พล็อตหลักว่าด้วยพระเอกโดนใส่ร้าย จนต้องเอาตัวรอดพร้อมหาหลักฐานคลี่คลายคดีของตน (นี่ก็ The Fugitive) หนีการตามล่าจากพวกคนระดับสูง แต่พวกนั้นก็เล่นงานเขาไม่ได้ง่ายๆ เพราะเจ้าตัวมีพิษสงรอบจัด (นี่ก็ออกแนวพี่ Steven Seagal สมัย Undersiege) ส่วนตอนท้านก็ต้องหาเหลี่ยมมาเฉือนกันผู้ร้าย เปิดโปงความชั่วของมันให้สำเร็จ

ผมเดาตอนจบได้ตั้งแต่ดูตัวอย่างแล้วล่ะครับ แต่ในใจลึกๆ ก็คิดว่าหนังน่าจะสนุก พอได้ดูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

บ็อบ ลี สแวกเกอร์ (Mark Wahlberg) นักแม่นปืนระดับพระกาฬที่ตัดสินใจปลดระวางตัวเอง เนื่องด้วยสำนึกผิดที่เห็นเพื่อนร่วมรบโดนยิงต่อหน้าโดยไม่อาจช่วยอะไรได้เลย สแวกเกอร์เลือกที่จะอยู่บ้านบนเขาสงบๆ แยกตัวลำพังไม่ยุ่งกับใคร

แล้วเจ้าหน้าที่รัฐบาลนำโดยผู้การไอแซค จอห์นสัน (Danny Glover) และมือขวาแจ็ค เพนน์ (Elias Koteas) ยกทีมมาขอความช่วยเหลือจากเขา พร้อมแจ้งข้อมูลวงในว่ากำลังจะมีการลอบสังหารประธานาธิบดีในอีกไม่กี่วัน แต่ยังไม่มีเบาะแสชนิดไหนๆ ทั้งนั้น ทางเดียวที่ทำได้คือขอแรงให้สแวกเกอร์วยคิดแทนมือปืน คิดว่ามันจะลบอบสังหารปธน. ได้ที่ไหนและอย่างไรบ้าง เพื่อที่พวกเขาจะได้ตามไปดักหน้ามันได้ถูก

ตามสูตรพิมพ์นิยมคือตัวเอกต้องอิดเอื้อนนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ก่อนเลือดรักชาติและเลือดมือปืนจะฉีดพล่าน กระโดดเข้ารับงาน (ช่วงที่ว่านี่ก็ยืดหนังไปได้อีกซัก 5 – 6 นาที )

สแวกเกอร์เลยตามผู้การจอห์นสันไปช่วยคิดแทนมือปืน จนเจอสถานที่เหมาะสมในการซุ่มยิง จอห์นสันก็ให้สแวกเกอร์ประจำการอยู่ตรงนั้นเพื่อจะได้สกัดมือปืนได้ทันท่วงที

ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร เมื่อแท้จริงแล้วจอห์นสันกับพวกหลอกให้สแวกเกอร์วางแผนแทนหมดทุกอย่างเพื่อลงมือลอบสังหาร ก่อนจะโยนแพะตัวเบ่อเริ่มให้สแวกเกอร์รับไปเต็มๆ รู้ตัวอีกทีเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปเรียบร้อย

แต่งานนี้พวกจอห์นสันประเมินสแวกเกอร์ต่ำไปหน่อย เพราะขานี้ระดับพระกาฬเก่งชนิดหาตัวจับยาก เลยเอาตัวรอดหลบการตามล่าไปซ่อนซุ่มเพื่อหาหลักฐานและกระชากผู้บงการอยู่เบื้องหลังให้ออกมารับกรรมอันนี้ แถมด้วยการเอาคืนพวกจอห์นสันกับพวกให้สาสม

ใครที่คาดหมายว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรได้ตั้งแต่ตอนดูตัวอย่าง ก็บอกไว้ก่อนเลยครับว่าท่านเดาได้ค่อนข้างแม่น เรื่องราวมันเดิมตามสูตรแอ็กชันไล่ล่าแพะรับบาปขนานแท้ แต่ก็อย่าประมาท เพราะดูสนุก ไม่เสียชื่อหนังแนวนี้

หนังทำออกมาน่าติดตามทีเดียวครับ แอ็กชันแต่ละช่วงน่าพอใจ การตามล่าตามปมมีให้ลุ้นค่อนข้างเยอะ ต่อให้ผมเล่าตอนจบให้รู้ก็เถอะ แต่จังหวะจะโคนหนังมันได้ที่ ลีลาการเดินเรื่องมันได้มาตรฐาน

ในบรรดานักทำหนังรุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการน่าจับตาที่สุด เห็นทีต้องยกให้นาย Antoine Fuqua ผู้กำกับเรื่องนี้แหละครับ ขานี้ยิ่งทำยิ่งเข้าฝัก Fuqua นั่นเติบโตมาจากสายมิวสิกวีดีโอ สไตล์มุมกล้องเลยหวือหวาฉับไวเร้าใจเป็นอย่างยิ่งในงานกำกับชิ้นแรก The Replacement Killers (ก้าวแรกในฮอลลีวู้ดของเฮียโจวเหวินฟะ) ตามด้วยงานแอ็กชันที่ไม่มีใครจำได้นักอย่าง Bait งานสองเรื่องแรกจัดว่ายังไม่เข้าเป้าเพราะเล่าแต่ภาพอย่างเดียว ด้านเนื้อหาสอบไม่ผ่าน แต่ชื่อพี่ท่านเริ่มเป็นที่จดจำจาก Training Day ว่าตามจริงแล้วความดีแทบทั้งหมดต้องยกให้การแสดงบทตำรวจอภิมหาโฉดของ Denzel Washington แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ล่ะครับว่าถ้าจังหวะหนังไม่ได้เรื่อง ดาราแสดงดีแค่ไหนก็ไปไม่ถึงดวงดาว

งานหลังจากนั้นถือว่าเป็นช่วงเริ่มจับทางได้อย่าง Tears of the Sun และ King Arthur ดูแล้วไม่ผิดหวัง มีขาดบ้างเกินบ้างแต่ไม่เสียเวลาดู

พอมา Shooter ถ้าเปรียบ Fuqua เป็นสไนเปอร์นักแม่นปืนก็ถือว่าแกยังเข้าเป้าไม่ต่ำกว่า 7 นัดจาก 10 กระสุน ความน่าติดตาม ฉากบู๊ถือว่าสมใจคอหนัง ไม่ได้เบาหวิวจนต้องฝากสมองไว้ข้างนอกก่อนดู แต่ก็ไม่ได้หนักอึ้งจนต้องกินยาพารา ดูเอาเพลินพอดีๆ

ที่ยังพร่องไปบ้างได้แก่ลูกเล่นสีสันในหนัง ที่เรียบไปหน่อย ถ้ามีตลอดล่ะแจ๋ว

นับเป็นโชคดีที่ Fuqua มักได้ดาราฝีมือกลั่นๆ มาเล่นนำ โครงหนังเลยแข็งแบบไม่ต้องออกแรง Wahlberg ลงทุนลดน้ำหนัก 20 ปอนด์ ฟิตหุ่นให้เหมาะสมเพื่อมาเล่นเรื่องนี้ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ท่าทางแกดูเป็นนักแม่นปินได้สบายๆ หน้าตาเย็นชาตอนลั่นไก สมาธิไม่มีเสีย ดูจริงๆ ว่าแกเป็นสไนเปอร์ ส่วนเรื่องความฉลาดเอาตัวรอดก็เช่นกัน ดูมีสมองสมบท

คิดเหมือนกันว่าถ้าตอนแรกพ่อ Keanu Reeves แกรับเล่นตามที่ทีมงานเชิญไป หนังจะออกโทนแบบไหนหว่า

Michael Peña ดาราที่แสดงคู่กับ Nicholas Cage ใน World Trade Center ก็มาประกบกับ Wahlberg ในบทเจ้าหน้าที่เอฟบีไอนิค เมมฟิส ที่เพิ่งสำเร็จจากการอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาแค่ไม่กี่อาทิตย์ แต่ดันต้องมาเจอสไนเปอร์ระดับสุดยอดเล่นงานจนโดนเด้ง สุดท้ายพี่แกเลยลงมือตามล่าสแวกเกอร์ด้วยตนเอง

บทของ Peña สำหรับผมแล้วพี่ท่านโผล่ออกมาค่อนข้างประดักประเดิดต่อหนังไม่ใช่น้อย จริงๆ มีก็ดีครับช่วยพระเอกเบาแรง แต่ประโยชน์ของตัวละครนี้ไม่ใคร่จะเยอะอย่างที่คิด ตามปกติบทของ Peña น่าจะช่วยถ่วงดุลเติมอารมณ์ขัันให้แต่ก็เปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้หนังเครียดขึ้นด้วย ตกลงการเพิ่มบทของแกมาออกจะเป็นในแนวมีก็ได้ไม่มีก็ได้ ไม่ต่างจากตอนที่ Samuel Jackson มาเล่นคู่กับ Bruce Willis ใน Die Hard with A Vengeance

แล้วบทนิค เมมฟิสนี่ก็เหมือนจะ เหมือนจะอยู่ตลอดน่ะครับ อย่างตอนต้นพี่แกเป็นคนเดียวที่สงสัยว่าสแวกเกอร์จะไม่ใช่คนลงมือยิง แกเหมือนจะฉลาดนะ แต่ก็สุดอยู่แถบนั้นน่ะ ต่อมาก็เหมือนจะเป็นเพื่อนคอยปรับทุกข์ เป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่เข้าใจสแวกเกอร์ แต่หนังก็ละเลยประเด็นนี้ไปอีก แกเลยเหมือนจะๆๆ ตลอด แต่ไม่ยักกะทำอะไรเป็นชิ้นอันซักอย่าง

ผมเคยคุยกับเพื่อนที่ดูหนังแล้ว พอดีว่าพี่แกไม่รู้จัก Peña นะครับ ไม่เคยดู World Trade มาก่อน แกเล่าให้ฟังว่าตอนดูแกนึกว่าพี่คนนี้เป็นตัวประกอบนะเนี่ย ดันมีบทเฉยเลย

แหม ทำไงได้ล่ะครับ หน้าพี่แกดูเจี๋ยมเจี๊ยมนี่หน่า แต่ไม่ใชแกแสดงไม่ดีนะครับ ก็โอเคน่ะ เพียงแต่บทมันไม่เอากะแกซักอย่าง บทเลยค่อนข้างจะลอยๆ

ส่วนฝั่งตัวร้าย Glover อดีตจ่าเมอร์ทัฟแสนดีแห่ง Lethal Weapon 4 ภาคก็ไม่มีปัญหาในการพลิกมาชั่วครับ ท่าทางตอนอวดดีนี่น่าถวายบาทาซักสี่ห้าตืบ ดูเป็นนายพลเหลิงอำนาจดีจริงๆ ส่วน Koteas ก็ดูคลั่งๆ บ้าตามแบบฉบับ สำหรับบทร้ายคู่ปรับของสแวกเกอร์นี่ ได้ข่าวว่ามีการทาบทาม Eminem นักร้องชื่อดังมาเล่นนะครับ แต่พี่แกไม่เอาน่ะ

เพื่อไม่ให้หนังมีแต่ผู้ชายเลยมีการเสริมตัวละครหยิงลงไป รายแรกคือ ซาร่า เฟนน์ (Kate Mara) อดีตคนรักของเพื่อนสแวกเกอร์ (รายที่ตายกลางสนามรบนั่นแหละ) กับอีกหนึ่งสาวที่ผมปลื้มมากๆ คือ Rhona Mitra คอหนังอาจพอจำเธอได้จาก Beowulf เวอร์ชั่นพี่ Christopher Lambert และบทสาวข้างห้องที่โดนมนุษย์ล่องหนจ้องให้ Hollow Man ในเรื่องก็มาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ FBI เพื่อนของเมมฟิสที่คอยช่วยเขาอยู่ห่างๆ สองสาวนี่ก็มาในแนวให้หนังมีผู้หญิงเท่านั้นเองครับ แต่เรื่องความสวยน่ารักยังโอเคน่า

Tate Donovan อดีตคนรักสมัยโน้นของ Jennifer Aniston มารับบทสมทบเป็นเจ้าหน้าที่รัส เทอร์เนอร์ ที่แทบไม่มีบทอะไรเท่าไหร่ ก็ให้คิดในใจล่ะครับว่าเมื่อก่อนแกทำท่าจะดัง ตอนนี้เล่นแบบไม่มีอะไรให้จำซะแล้ว, Rade Serbedzija ดาราวายร้ายในหนัง The Saint ฉบับโรงใหญ่และแสดงบทเล็กๆ ใน M:I 2 มาเป็นมือปืนพิการไมเคิล แซนเดอร์รายนี้ก็แสดงดีไม่มีปัญหาล่ะครับ ยิ่งบทแบบอมความลับนี่ถนัดนัก

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด Ned Beatty ในบทวุฒิสมาชิก ชาร์ลส เอฟ. มีชชั่ม ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดก็ดูเป็นนักการเมืองเห็นแก่ตัวดีครับ ท่าทางดูก็รู้ว่าเข้าไปเพื่อกอบโกยไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนหรอก Beatty เป็นดารารุ่นเก๋าที่คร่ำหวอดในแวดวงฮอลลีวู้ดมาตั้ง 30 กว่าปีน่ะครับ เรื่องแรกที่เล่นแล้วดังเลยก็คือ Deliverance หรือ ล่องแก่งธนูเลือด จนปัจจุบันพี่ท่านเล่นหนังไปกว่า 150 เรื่อง ฉายาที่วาไรตี้ตั้งให้คือ นักแสดงชายที่งานยุ่งที่สุดในฮอลลีวู้ด ซึ่งเขาก็เก่งล่ะครับบทตลกก็ได้ ร้ายก็ได้ ได้หมด ในเรื่องเขาก็เป็นสีสันที่โอเค

หนังขายแอ็กชันประเภทเอาพระเอกฉลาดมาเฉือนคนผู้ร้ายนี่ก็ขายได้เสมอล่ะครับลองว่าทำออกมาดี เรื่องนี้ก็เข้าขั้นแซ่บถึงเครื่อง ขาดบ้างนิดหน่อย แต่ก็พอกล้อมแกล้ม

ถ้าชอบหนังแบบ The Fugitive หรือแนวแอ็กชันใช้สมอง เรื่องนี้ขอเป็นตัวเลือกนะครับ ไม่น่าจะผิดหวัง ผมเองยังชอบเลย

อย่างที่ว่า อยากดูหนังเพลินบันเทิงแท้ๆ ก็เรื่องนี้ล่ะ