ค้นหาหนัง

Sicario Day of the Soldado 2 ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด 2

Sicario Day of the Soldado 2 ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด 2
เรื่องย่อ : Sicario Day of the Soldado 2 ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด 2

เมื่อกลุ่มค้ายาเสพติดได้พยายามส่งผู้ก่อการร้ายข้ามพรมแดนมายังสหรัฐฯ แม็ตต์ ได้กลับมาเจอกับ อเลฮานโดร อีกครั้ง คราวนี้ฝ่ายหลังนี่ได้งานหินเลยแหละ เมื่อต้องกลายเป็นคนจุดชนวนสงครามระหว่างแก๊งค้ายาตัวเบิ้มซะเอง การสร้างสถานการณ์ให้พวกมันแตกคอทะเลาะกันเองนั้นก็ไม่ยาก อุบายที่ทำก็คือการลักพาตัวลูกสาวของหัวหน้าแก๊ง และลูกสาวหน้าตาน่ารักตาคมปากสวยๆ คนนั้นก็คือ อิซาเบล เรเยส แต่มันกลับกลายเป็นภารกิจที่เขาต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเดิมพัน แทนที่เขาจะทำสงครามกับพวกพ่อค้ายาเสพติดถิ่นเม็กซิกัน เขากลับต้องทำสงครามกับรัฐบาลเม็กซิกันแทน เพราะเรเยสไม่ใช่มือสมัครเล่น เขามีเส้นสายในกรมตำรวจ พูดง่ายๆ ว่ามีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หนุนหลังว่างั้นเถอะ งานนี้ชีวิตของอเลฮานโดรแขวนอยู่บนเส้นด้ายอย่างแน่แท้ แถมตาแมตต์ก็ดูมีแววจะไม่น่าไว้วางใจเสียด้วยสิ

IMDB : tt5052474

คะแนน : 7



ภาคแรกได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์และเวทีรางวัลระดับโลก แต่สไตล์การกำกับของ ผู้กำกับฯ Denis Villeneuve ค่อนข้างน้ำนิ่งไหลลึก ลึกล้ำ ยิงคำถามใส่คนดูในแง่ที่ว่า เราจะสู้กับผู้ร้ายโดยที่เราไม่กลายเป็นผู้ร้ายไปเองได้หรือไม่ แต่การเล่าเรื่องของเขาไม่ค่อยแมส ตามสไตล์ของเขา คนดูทั่วไปเข้าถึงได้ยากนิดนึง สำหรับภาค 2 มาในชื่อ Sicario: Day of the Soldado (ภาษาสเปน แปลว่า Soldier หรือทหาร) จะมีความแมสมากขึ้น พูดง่าย ๆ คือ ดูง่ายขึ้น และมีฉากแอ็คชั่นเยอะขึ้น โดยเปลี่ยนผู้กำกับเป็น Stefano Sollima แต่มือเขียนบทคนเดิมคือ Taylor Sheridan (นักเขียนบทผู้เข้าชิงออสการ์จาก Hell or High Water) นักแสดงหลักก็ชุดเดิม ได้แก่ Benicio del Toro (นักแสดงออสการ์จาก Traffic) และ Josh Brolin (ผู้เข้าชิงออสการ์จาก Milk) แต่ไร้เงาของ Emily Blunt จากภาคที่แล้ว ในภาคนี้ Matt Graver และ Alejandro Gillick (Josh Brolin และ Benicio del Toro) ถูกสั่งให้ไปเปิดสงครามกับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่แห่งเม็กซิโก โดยแผนของ Matt คือจับตัว Isabela Reyes (Isabela Moner จาก Transformers 5: The Last Knight) ลูกสาวของเจ้าพ่อมาเฟียรายนั้นมา ในภาคนี้ไม่ได้เน้นเรื่องการปราบปรามยาเสพติดหนักเท่าภาคก่อน แต่มีการเพิ่มเรื่องราวและแบ่งน้ำหนักไปที่เรื่องการค้ามนุษย์หรือการลอบขนคนเถื่อนระหว่างชายแดนเม็กซิโกกับอเมริกา (แถบเท็กซัส) ด้วย โดยตัวละครเด่นของซีกเรื่องนี้คือเด็กชายชาว เม็กซิกัน-อเมริกัน ชื่อ Miguel Hernandez (Elijah Rodriguez) ซึ่งพยายามหาเงินและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยการเข้าแก๊งลักลอบแก๊งนี้นี่เอง ตอนแรกก็ยังนึกไม่ออกว่าเส้นเรื่องหลักทั้งสองสาย ที่เราตัดไปตัดมานี้ จะมาบรรจบกันได้ยังไง แต่พอดู ๆ ไป แล้วก็จะเข้าใจ (คนเขียนบทเค้าคิดมาดีแล้ว เราไม่ต้องเป็นห่วงเขา) แล้วพอมันมาบรรจบกันแล้วในช่วงองก์สาม ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่พีคมาก กดดัน ลุ้นกันใจหายใจคว่ำเลยทีเดียว อย่างที่บอกไปแล้วว่า ภาคนี้แมสขึ้น มีมุกตลกเบา ๆ และบู๊เยอะขึ้น ดังนั้นคอหนังบู๊ไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อหรือจะงง ถึงแม้อาจจะไม่ได้บู๊แบบระเบิดภูเขา-เผากระท่อมแบบหนังแอ็คชั่นบางเรื่อง แต่รับรองเลยว่า เป็นหนังแอ็คชั่นที่สนุก (อย่างภาคแรกเค้านี่เราเคยรีวิวไว้ว่าดีแต่ไม่สนุกนะ 555) ปริมาณการบู๊กำลังพองาม แต่ดิบ เถื่อน และโหดสาแก่ใจแน่นอน (ดูไป เอามือทาบอกไป) ที่สำคัญงานซาวนด์ดีเลิศ และบทดีสมราคานักเขียนมือทอง (มีเสียดสีการเมืองพอกล้อมแกล้ม แต่ก็ได้ใจไม่น้อย) ลบคำครหาที่ว่าหนังแอ็คชั่นมักบทไม่ดีหรือบทไม่ค่อยมีอะไรไปได้เลย เพราะเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นที่มีอะไร สิ่งที่เราชอบที่สุดคือ เช่นเดียวกับภาคแรก เค้าถ่ายภาพและจัดแสงสวยมาก มักจะมีมุมมองที่น่าสนใจมาให้เรามองอยู่เสมอ ซึ่งนี่เป็นฝีมือของ Dariusz Wolski จาก Alien: Covenant, The Martian ฯลฯ นั่นเอง และอีกอย่างที่ชอบคือ การแสดงของ Benicio del Toro และ Josh Brolin ที่เรื่องนี้โคตรเท่เลย โดยเฉพาะ del Toro ที่มามาดนิ่ง ๆ แต่ได้ใจคนดูได้แบบไม่ต้องพูดเยอะ สมราคาออสการ์ บทสรุปของภาคนี้เหมือนจะตอบคำถามที่ภาคแรกทิ้งไว้ได้ดีเหมือนกันว่า สรุปแล้ว เราจำเป็นต้องเป็นผู้ร้ายด้วยไหมเพื่อที่จะสู้กับผู้ร้าย (เช่น ผู้ก่อการร้าย คนค้ายา ฯลฯ) และบทสรุปก็ดูเหมือนจะส่งไปยังภาคสาม ซึ่งแน่นอนว่า เราคนหนึ่งล่ะ… ที่คอยติดตามชมแน่นอน