ค้นหาหนัง

Sonic the Hedgehog โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก

Sonic the Hedgehog โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก
เรื่องย่อ : Sonic the Hedgehog โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก

โซนิค สิ่งมีชีวิตในต่างดาวหน้าตาคล้ายเม่นที่มีสกิลวิ่งเร็วระดับวาร์ปรวมทั้งมีพลังงานไฟฟ้าแรงสูงหลุดมาอยู่ในโลกมนุษย์ที่รัฐมอนทาน่า โซนิคใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ อย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันเผลอใช้พลังพิเศษในตัวระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐช็อกกับเหตุการณ์ครั้งนี้มากจนเชิญนักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.โรบอทนิกส์ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ ดร.แกะรอยจนรู้ว่าเป็นโซนิค และค้นเจอเบาะแสสำคัญที่ทำให้ตระหนักถึงพลังไร้ขีดจำกัดของเม่นจอมแสบรายนี้ จึงออกไล่ล่าเม่นสีน้ำเงินทันที เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปเชิญรับชมได้เลย

IMDB : tt3794354

คะแนน : 7



ฉบับภาพยนตร์นั้น นำเสนอโซนิคให้เหมือนกับเด็กที่ได้พลังพิเศษ และพเราะการที่เขามีพลังพิเศษแถมไม่ใช่คนนี่แหละ เลยทำให้เขาไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ และต้องอยู่คนเดียวอย่างเหงา ๆ ตลอดเวลา ทำให้คาแรคเตอร์ของโซนิคในหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากตัวละครจำพวกเด็กมีพลังพิเศษและโดนรังเกียจในเรื่องอื่น เพียงแต่เขาไม่ได้เผยตัวตน และไม่ได้โดนรุมกลั่นแกล้งเท่านั้น นักแสดงหลักของหนังเรื่องนี้คือ James Marsden อดีตผู้รับบท Cyclops จากหนังชุด X-MEN (เวอร์ชั่นเก่าปี 2000) และอีกคนที่ขาดไม่ได้เลยคือ จิม แครีย์ แต่เราคงจะไม่บอกว่าจิม แครีย์แบกหนัง เพราะซีจีของโซนิค และการแสดงของนักแสดงท่านอื่นก็ทำออกมาได้ดี เพียงแต่ จิม แครีย์ แกออกแนวจ้างร้อยเล่นล้าน เล่นจนล้นสุด ๆ เลยทำให้ดูเหมือนว่าตัวละครของเขานั้นแย่งซีนนักแสดงท่านอื่นก็เพียงเท่านั้น เพราะต้องยอมรับจริง ๆ ว่าทุกครั้งที่จิม แครีย์ออกมาในหนัง น้อยที่สุดก็ทำให้เราหัวเราะแห้ง ๆ ได้ หรือบางฉากก็ฮาลั่นโรงเลยก็มี

ในส่วนของฉากแอ็คชั่นที่ถึงแม้จะไม่เยอะ แต่ก็พอดูแบบสนุกสนานได้ แม้บางฉากจะขาดความสมเหตุสมผลแบบใหญ่มาก ในหนังนั้น นอกจากพลังความเร็วของโซนิคแล้ว เราจะได้เห็นโซนิคได้ใช้พลังของวงแหวนสีเหลืองที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกมอีกด้วย หลังจากวิ่งตามเก็บมานานในเกม ใหนนังได้เอามาใช้สักที และคุณจะรู้สึกเลยว่าเจ้าวงแหวนของโซนิคนี่มีประโยชน์ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว หากความหวังของเราคือการได้เห็นเจ้าโซนิคออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ ก็ต้องบอกว่ามันทำออกมาได้ดีมาก มากกว่าที่เราคาดหวังไว้ด้วย เพียงแต่สุดท้ายแล้วข้อดีของมันก็มีอยู่เพียงเท่านี้ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าหนังมันจะห่วยครับ หนังเรื่องนี้มันไม่แย่เลย เพียงแต่มันธรรมดาจนเกินไป จนเราไม่รู้สึกประทับใจหรือมีอารมณ์ร่วมกับมันขนาดนั้น สาเหตุที่มันธรรมดาเกินไป เพราะพลังความเร็วแบบนี้ปรากฎให้เราเห็นบ่อยแล้วในหนังหรือซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ดังนั้นการออกแบบฉากแอ็คชั่นในโซนิคมันเลยดูซ้ำซาก เพราะเราเคยเห็นมาแล้ว มันเลยไม่ค่อยว้าวเท่าที่ควร เราจะไม่สปอย แต่คุณไปดูแล้วจะรู้เองว่าฉากไหน

อาจเป็นเพราะนี่คือการปูพื้นภาคแรกของหนังโซนิค ทำให้การเล่าเรื่องมันยังซ้ำซากจำเจอยู่กับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างโซนิคที่ดูเหมือนมนุษย์ต่างดาว กับพระเอกอย่างทอมที่เป็นมนุษย์ ซึ่งเราก็เห็นบ่อยมากจากหนังเรื่องอื่น ๆ นี่จึงเป็นปัญหาหลักของหนัง เพราะพล็อตแบบนี้มันมีให้เห็นเกลื่อนกลาดแล้ว ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าโซนิคในฉบับหนังจะได้เห็นอะไรแปลกใหม่ก็อาจจะต้องทำใจไว้นิดหน่อย แต่อย่างที่เราบอก มันไม่ใช่หนังแย่ มันเป็นหนังที่ดูสนุกมาก เด็กดูได้สบาย ๆ ไม่มีอะไรรุนแรง ผู้ใหญ่ก็ดูได้เพลิน ๆ ถ้าเป็นเกมเมอร์หรือชื่นชอบโซนิคก็จะชอบเลย และถึงแม้มันไม่ได้แย่ แต่มันก็ขาดเสน่ห์หรืออารมณ์ร่วมกับหนังไปเยอะมาก ทำให้ดูจบแล้ว เราไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับมันนัก แค่จบแล้วก็จบเลย จะมีเซอร์ไพรส์นิดหน่อยก็ช่วงตอนจบที่เป็นสัญญาณที่บอกเราว่า ภาค 2 มาแน่นอน (ถ้ารายได้เข้าเป้า)

Sonic : The Hedgehog ไม่ใช่หนังจากเกมที่แย่ และดูจากรายได้ ณ ตอนนี้ มันน่าจะประสบความสำเร็จอย่างงดงามและน่าภูมิใจในฐานะที่เป็นหนังจากเกม แต่ถ้ามองมันเป็นภาพยนตร์ทั่วไป ก็คงต้องบอกว่ามันขาดอารมณ์ร่วม และไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะต้องวางโครงสร้างและเนื้อเรื่อง และเชื่อได้เลยว่าภาค 2 นี่ล่ะ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของโซนิคจริง ๆ ซึ่งเราก็หวังว่ามันจะประสบความสำเร็จ จนได้ทำออกมานะ ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ หากอยากจะผละออกจากบ้านหรือคอมพิวเตอร์และเครื่องเกม เพื่อหาหนังดู ในสัปดาห์นี้ก็คงไม่มีอะไรที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีไปกว่า Sonic : The Hedgehog แล้ว และเราคงต้องย้ำกันอีกครั้งว่า แม้มันจะไม่ใช่หนังที่น่าจดจำอะไรนัก แต่มันเป็นหนังที่ “สนุก” ครับ ใครไปชมก็อย่าลืมมาพูดคุยกันได้ล่ะ!