ค้นหาหนัง

Space Jam (1996) | สเปซแจม ทะลุมิติมหัศจรรย์

Space Jam (1996) | สเปซแจม ทะลุมิติมหัศจรรย์
เรื่องย่อ : Space Jam (1996) | สเปซแจม ทะลุมิติมหัศจรรย์

เรื่องราวชีวิตของ ไมเคิล จอร์แดน ตั้งแต่วัยเด็กจนกลายเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพในเอ็นบีเอ และพลิกผันมาเป็นนักเบสบอลแทน ต่อมา จอร์แดน ได้ถูกนำตัวมายังโลกแห่งลูนีย์ทูนส์เพื่อร่วมแข่งขันบาสเกตบอลกับเอเลี่ยนแคระและช่วยเหล่าตัวการ์ตูนลูนีย์ทูนส์ที่จะต้องกลายเป็นนักโทษถ้าแพ้การแข่งขัน

IMDB : tt0117705

คะแนน : 7



งานหนังคนแสดงกับการ์ตูนนี่ที่ผมชอบๆ ก็คงหนีไม่พ้น Who Framed Roger Rabbit นั่นแหละครับ เพราะมันออกมาลงตัว เนื้อเรื่องก็มาในโทนสืบสวนอีกต่างหาก เลยออกจะโดนมากๆ ส่วนหนังแนวเดียวกันหลังจากนั้นมาก็ดูเหมือนจะอ่อนทางเนื้อหากว่าเรื่องนั้นทุกทีไป

ส่วนเรื่องนี้พล็อตแทบจะไม่มีเลยครับ แค่เอา Michael Jordan พระเอกนักบาสชื่อดังมาประกบคู่กับเหล่าตัวการ์ตูนสุดดังแห่งค่ายลูนี่ย์ส ของ Warner Bros. อันได้แก่ บั๊กส์ บันนี่, ดัฟฟี่ ดั๊ก และผองเพื่อนมาร่วมมือกันพิทักษ์เมืองการ์ตูน เมื่อมีจอมวายร้ายจากดาวอื่นกะจะมาจับตัวการ์ตูนทุกตนไปเป็นทาสที่สวนสนุกแห่งอวกาศ

แต่เหล่าตัวการ์ตูนเจ้าเล่ห์ก็ไม่ยอมง่ายๆ ครับ ออกอุบายท้าแข่งบาสกับเจ้าพวกนั้นถ้าแพ้จะยอมไป เพราะไอ้ตัวที่มามันเป็นแค่ตัวกระจ๊อกเล็กๆ เท่านั้นเอง สูงแค่เม็ดถั่ว ก็เลยนึกว่าจะไม่มีทางสู้ แต่ไปๆ มาๆ ไอ้ตัวจ้อยพวกนั้นดันไปสูบพลังจากเหล่าดาวดังของ MBA ตัวเลยโตกลายเป็นสัตว์ประหลาดสูงเท่าตึก!

งานนี้พวกบั๊กส์ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ครับ ไปดึงตัวไมเคิล จอร์แดนมาช่วยฝึกเหล่าตูนให้สู้กับพวกมันได้ อ้า แล้วผลจะเป็นอย่างไรก็ไปดูในหนังแล้วกันนะครับ แต่ผมว่าท่านเดาได้อยู่แล้วล่ะ

จริงๆ ผมก็ว่าหนังมันก็ดูเพลินๆ ได้นะ แต่ต้องไม่คิดนะครับ ไม่คิดอะไรมากเลยอ้ะ เหมือนดูการ์ตูนมาต่อกันยาวๆ อันนี้ต้องแล้วแต่ละครับ ถ้าท่านไม่ชอบดูการ์ตูนล่ะผมว่าเบื่อแน่ๆ เพราะมันมีแต่การ์ตูนๆ แล้วก็เรื่องติงต๊องมากมาย และแน่นอนว่าไม่มีใครตายครับ หนังครอบครัวนี่หน่า วายร้ายก็ร้ายแบบต๊องๆ ไม่ฉลาดเท่าไหร่ ดังนั้นวิธีจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกเห็นทีจะต้องทำใจครับ ถ้าท่านรับความต๊องสไตล์การ์ตูนไม่ได้ล่ะคงบ่นหนังอุตลุดเลยล่ะ

จุดที่พอเอามาชื่นชมได้ก็คือการแมตช์ภาพ การเอาคนกับการ์ตูนมาเล่นกัน การเอาคนไปอยู่ในโลกการ์ตูน ผมว่ามันออกมาเนียนดี ถือว่าค่อนข้างดีกว่าสมัย Who Fremed Roger Rabbit? เลยล่ะครับ คือถ้าว่ากันด้านเทคนิคล่ะผมว่าดีเลยนะ และอีกอันหนึ่งที่ดีคือ Sountrack น่ะครับ I Believe I Can Fly ไงอะ ตอนฉายโรงนี่โคตรโปรโมตเลย ซึ่งเพลงก็ดีด้วยแหละครับ เพราะดีความหมายดี เลยดังแล้วก็ช่วยถีบให้หนังดังอีกทางหนึ่ง

ด้านนักแสดงนั้น … คือผมคงไม่มาจาระไนว่าบั๊กส์ บันนี่แสดงดีหรือเปล่าหรอกนะครับ ก็มันการ์ตูนอ้ะ เป็นตัวของตัวมันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว บั๊กส์ก็ยังเป็นบั๊กส์ครับ ตัวเอกตัวเด่นตลอด แต่ในเรื่องบั๊กส์ก็ถือว่ามีมิตินะครับ เพราะมีโอกาสได้เจอกับโลลา บันนี่ ต่ายตูนสาวสุดน่ารักด้วย ซึ่งเธอมาปรากฎตัวจริงๆ จังๆ เป็นหนแรกนี่แหละ ก็เป็นสีสันได้ดีครับ ส่วนดั๊ฟฟี่ก็โดนประทุษร้ายทุกงาน โดนทับตัวแบนบ้างโดนซัดจนปากกับหัวไปคนละทางบ้าง ตามสูตรเลยครับ ก็อย่างที่บอกน่ะแหละ ใครชอบตัวการ์ตูนเหล่านี้ก็คงตามไปขำกันได้ไม่ยากครับ เพราะมันก็เป็นไปตามที่ท่านคาดน่ะแหละ คาแร๊คเตอร์ยังไงก็ยังงั้นน่ะนะ

ส่วนคนนะครับ เรื่องคนแสดงก็มี Jordan นั่นแหละ ก็เล่นเป็นตัวเองนี่ครับ ไม่รู้จะว่าไงเหมือนกัน เขาก็เป็นตัวเขาน่ะแหละ แต่ก็ยังมีดูเกร็งๆ บ้าง เพราะมีนักแสดงตัวจริงมาเป็นตัวเปรียบเทียบครับ ได้แก่ Wayne Knight ผู้เคยรับบทอ้วนจอมโกง เน็ดรี่ แห่ง Jurassic Park ภาคแรกมาเป็นสแตน คนดูแลและคอยรับใช้ไมเคิล จอร์แดนที่ดูแลแบบเกินร้อยครับ พี่แกก็เล่นได้ฮาทีเดียว ยิ่งไอ้ตอนพยายามขุดสนามกอล์ฟเพื่อตามหาไมเคิล จอร์แดนนี่ฮาจริงๆ คือพี่ท่านออกมาติงต๊องแต่ไม่เกินงามครับ พอขำๆ และขำได้ผลด้วย ยิ่งช่วงท้ายแกโผล่มานี่ก็ฮาไม่เลิก ยอมรับเลยครับว่า Knight เป็นสีสันชั้นเยี่ยมจริงๆ

นอกนั้นก็จะเป็นในบทสมทบซะล่ะมากกว่าครับ อย่าง Theresa Randle ก็มารับบทเป็นฮวนนิต้า ภรรยาของไมเคิล ซึ่งก็โผล่แบบธรรมดาครับ แต่รายที่ขโมยซีนแบบเต็มกำลังลากก็คือ Bill Murray ที่ยังอุตส่าห์มาฮาในเรื่องอีก ไอ้ที่โผล่ตอนกลางน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงหลังๆ ที่มาเซอร์ไพร์สนี่สิ เด็ดจริง (แล้วพี่แกยังเล่นมุขอีก ประมาณว่าเพราะรู้จักผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้เลยมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้นี่ผมว่าเด็ดจริงๆ ครับ ก็แกรู้จักกับผู้อำนวยการสร้าง Ivan Reitman จริงๆ นี่ครับ ก็กอดคอกันดังมาด้วยกันจาก Ghost Busters อ้ะ) ก็ต้องยกนิ้วให้พี่ Bill นี่แหละครับที่มาทำให้หนังมันส์ขึ้นอีกเป็นกอง

การจะดูหนังให้สนุกบางทีก็ขึ้นกับหลายๆ อย่างนะครับ หลายปัจจัย เพราะหนังบางเรื่องแม้จะไม่สนุกเราก็ดูให้สนุกได้เหมือนกัน อย่างหนังสัตว์โลกน่ารักเงี้ย คือถ้าดูเอาสยองมันไม่สำเร็จก็ดูเอาฮามันไปเลย อย่างเรื่อง When a Stranger Calls ที่ผมเคยบ่นไปก็เหมือนกันครับ ดูให้สยองก็ไม่สยอง ไปๆ มาๆ คิดดูแบบขำๆ เลยออกมาขำๆ กันไปเลย ซึ่งกับเรื่อง Space Jam นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้นหรอกครับ แต่มันทำออกมาให้เด็กดู ให้คนที่ชอบไมเคิล จอร์แดนหรือชอบพวกบั๊กส์ บันนี่ได้หัวเราะเอิ้กอ้ากกัน ดังนั้นแม้หนังมันจะดูได้ทุกคนในครอบครัวก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะชอบไปกันหมด ผมว่าเด็กๆ คงสนุกกับตัวการ์ตูนพวกนี้ล่ะครับ แล้วก็เรื่องต๊องๆ อีกเพียบ สีสีนสดใสดึงดูดใจไม่เลว คือถ้าพูดกันอย่างเป็นกลางคงต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้เหมาะกับเด็กๆ มากกว่า Who Fremed Roger Rabbit? ซะอีกครับ อันนั้นแม้ผมจะชอบก็เถอะ แต่ก็เพราะเนื้อหาที่ออกจะน่ากลัวไม่น้อยสำหรับเด็ก เพราะมันออกแนวนัวร์ฆาตกรรมน่ะครับ แล้วตัวร้ายยังน่ากลัวอีก ตอนเด็กผมกลัวนะ แม้จะชอบก็เถอะ แต่เรื่อง SJ นี้ไร้พิษภัยกว่ากันเยอะ

ผมก็เลยไม่คิดอะไรมากครับ ดูไปแบบขำๆ ก็จุดประสงค์หนังมันทำเพื่อสนุก เพื่อคนชอบการ์ตูนนี่ครับ ผมว่ามันก็ออกมาตามนั้นนะ

แล้วแต่ล่ะครับ เคล็ดง่ายๆ ถ้าอยากดูเรื่องนี้ให้สนุกคือทำใจเป็นเด็กหน่อย ไม่ต้องคิดคำนึงถึงเหตุผล แล้วปล่อยไปตามหัวใจครับ หัวใจเด็ก ที่ซ่อนอยู่ในตัวเรานี่แหละ ไม่ใช่เฉพาะกับเรื่องนี้นะครับ หมายถึงกับการ์ตูนทุกเรื่องน่ะแหละฮะ ทำใจสบายๆ แล้วค่อยๆ ดูไป ถ้ากลัวเสียตังค์ก็เช่าแผ่นก็ได้ครับ ไม่ต้องซื้อหา หรือไม่ก็ขอยืมเพื่อนเอาก็ได้ 5555

ขำๆ ครับ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูก็ต้องปรับหน่อยแล้วกัน แต่ผมว่าถ้าไม่คิดมากก็เพลินๆ ได้ครับ อย่างน้อยดูเจ้าเป็ดดำดั๊ฟฟี่แบนเป็นกล้วยทับก็โอเคแล้วล่ะน่า