ค้นหาหนัง

Star Wars Episode III: Revenge of the Sith

Star Wars Episode III: Revenge of the Sith
เรื่องย่อ : Star Wars Episode III: Revenge of the Sith

เกือบสามปีผ่านไปนับตั้งแต่เริ่มสงครามโคลน สาธารณรัฐด้วยความช่วยเหลือของเจได เข้าควบคุมเคานต์ดูกูและกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เมื่อภัยคุกคามใหม่เพิ่มสูงขึ้น สภาเจไดจึงส่งโอบีวัน เคโนบีและอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ไปช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีที่ถูกจับ อนาคินรู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์เจไดแล้ว โอบีวันกำลังตามล่าแม่ทัพแบ่งแยกดินแดน กรีวัส เมื่ออนาคินมองเห็นภาพอนาคตของความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแพดเม เขาจึงขอคำแนะนำจากอาจารย์โยดา เมื่อ Darth Sidious ดำเนินการคำสั่ง 66 มันทำลายส่วนใหญ่ของเจไดทั้งหมดที่สร้างขึ้น สัมผัสประสบการณ์การกำเนิดของดาร์ธ เวเดอร์ รู้สึกถึงการทรยศที่นำไปสู่ความเกลียดชังระหว่างสองพี่น้อง และเป็นสักขีพยานในพลังแห่งความหวัง

IMDB : tt0121766

คะแนน : 9



นี่เป็นมหากาพย์ที่กว่าจะได้ดูต่อกันครบ 6 ตอนนี่ก็ต้องรอตั้ง 28 ปีแน่ะ แล้วในที่สุดเวลานั้นก็มาถึงครับ 5555

เนื้อหาก็อย่างที่ทราบกันครับ เรื่องราวในภาคนี้เราจะได้เห็นแผนขั้นสุดท้ายในการครองจักรวาลของดาร์ธซี เดียส หรือลอร์ดแห่งซิธ เจ้าแห่งด้านมืดของพลัง ซึ่งงานนี้มันมาเพื่อล้างแค้นเจไดทั้งหมด รวมไปถึงการล่อลวงให้อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ (Hayden Christensen) หลงเข้าสู่วิถีแห่งด้านมืด อันทำให้เขาต้องกลายมาเป็น ดาร์ธ เวเดอร์จอมวายร้ายในไตรภาคต่อมา ซึ่งผมเชื่อว่าเนื้อเรื่องพวกนี้ก็น่าจะทราบกันดีอยู่แล้วอ้ะนะครับ ดังนั้นประเด็นที่น่าสนกว่าคือ ตกลงว่าภาคนี้ทำออกมาดีหรือไม่อย่างไร และผมก็จะขอว่าไปตามที่คิดเหมือนเคย จะเชื่อหรือไม่ก็่แล้วแต่ไม่ว่ากันนะครับ

คร่าวๆ คือ ภาคนี้ทำได้ดีในระดับหนึ่งครับ

แผนของดาร์ธซีเดียสในการล่อลวงพี่อนาจารย์ เอ้ย อนาคินของเรามาสู่ด้านมืด ผมว่าแผนของพี่แกค่อนข้างดีครับ สร้างความสับสนให้กันอนาคินได้เฉียบ ดูไปนี่มีหลายฉากที่เล่นเอาผมเกร็งไปเลยครับ เพราะแผนของแกเล่นจิตวิทยาค่อนข้างมาก หลอกล่อได้ตรงเป้า จนทำให้การผันตัวมาเป็นดาร์ธเวเดอร์น่าเชื่อถือและมีน้ำหนักพอสมควร เพียงแต่จังหวะการก้าวเข้าสู่ด้านมืดในช่วงหลังๆ อาจยังไม่ถึงขั้นเค้นหรือเข้มหนักๆ กระนั้นก็ถือว่าน่าพอใจสำหรับความเป็นหนัง Hollywood ครับ

ส่วนงานดนตรีของ John Williams ก็โอครับ แต่น่าจะดีกว่าเนี้ย ถ้าลองเทียบกับสมัยก่อนที่เขาเคยทำน่ะครับ มันเคยดีกว่านี้ (สมัย Jurassic Park หรือ Home Alone ไรเงี้ย นั่นทำได้ถึงครับไม่ว่าจะฉากตื่นเต้นหรือเศร้าโศกหรือโหยหา) นี่มันแค่เรื่อยๆ เท่านั้นเอง

งานด้านอื่นก็ไม่มีปัญหาครับ เออ อีกอย่าง ถ้าคุณคาดหวังฉากการดวลดาบที่โคตรจะเร้าใจแบบตอนก่อนๆ ก็ทำใจนิดนึงนะครับ มันไม่ได้สุดตีนไปกว่าคราวที่แล้วหรอก เอาแค่อนาคินตีกับดูกูนี่ก็ธรรมดาเกินคาดแล้วครับ หรือตอนที่ซีเดียสเจอกับโยดาก็ไม่ได้เด็ดขาดเท่าตอนที่โยดาฉะกับดูกูใน ภาคที่แล้ว อันนี้บอกตรงๆ ก็อดผิดหวังเล็กๆ ไม่ได้เหมือนกัน (มันน่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์มากกว่าเนี้ย)

แต่ที่ผมชอบคือบทสรุปครับ ทำได้ดี จนทำให้เราแทบอยากจะวิ่งกลับบ้านไปเปิดภาค 4 – 6 มาดูย้อนเลยล่ะครับ จบได้ลงตัวไม่น้อย

เอาล่ะครับ ถ้าคุณเป็นแฟน Star Wars นะ ดูได้ครับ แต่อย่าคาดหวังอะไร เพราะมันก็สนุกครับ ยังคงความเป็นสตาร์วอร์สได้ครบถ้วน อีกอย่างมันปเ็นการต่อจิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายด้วย ผมว่าก็น่าจะพอใจกันล่ะ ส่วนใครที่เกลียดหรือไม่ชอบไอ้อะไรที่เกี่ยวกับ Star Wars หรือ ไม่ถูกกับไซไฟ ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องดูก็ได้ เพราะมันไม่น่าจะทำให้ท่านรักสตาร์วอร์สขึ้นมาหรอก ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปดูได้ครับ แต่อย่าออกมาบ่นล่ะ ผมอุตส่าห์เตือนแล้วนะ

ในฐานะคนชอบ SW คนนึง (ซึ่งอาจมีความเรื่องมากเกินไปหน่อย 555) ก็บอกได้ว่า เป็นการปิดตำนานที่น่าพอใจครับ แม้จะไม่ถึงกับสุดๆ อย่างที่คิดก็ตาม (จริงๆ ผมว่าก็ดีหมดล่ะคับ เพียงแต่ไม่พีคเท่านั้นเอง) ก็ถ้าดูอย่างไม่คิดมาก ผมว่านี่เป็นความบันเทิงที่คุ้มค่าทีเดียว