ค้นหาหนัง

Stranger Than Fiction

Stranger Than Fiction
เรื่องย่อ : Stranger Than Fiction

เรื่องราวของชายชื่อฮาโรลล์ คริ๊ก พนักงานตรวจสอบภาษีจากกรมสรรพกรที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ แล้ววันหนึ่งเขาเกิดได้ยินเสียงคาเรนบรรยายถึงสิ่งที่เธอกำลังเขียน และนั่นเป็นสาเหตุให้ฮาโรลล์ยืนกรานที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดทิศทางและเรื่องราวของนวนิยายที่เขาเป็นพระเอกเรื่องนั้น สุดท้าย ฮาโรลล์ต้องเจอะเจอกับปัญหาใหญ่ เมื่อเขาได้ยินมาว่า คาเรนวางแผนจะฆ่าเขา

IMDB : tt0420223

คะแนน : 8



โดยส่วนตัวผมค่อนข้างชอบหนังตลกที่ Will Ferrellแสดงครับ เพราะส่วนมากตัวละครที่เขาแสดงนั้นจะเป็นตัวละครที่ตลกปัญญาอ่อนสิ้นดีทำให้ผมรู้สึกว่าหนังที่เขาเล่นเป็นหนังตลกแบบไร้แก่นสารอย่างสิ้นเชิง ในแง่ความสนุกคลายเครียดจึงค่อนข้างได้คะแนนจากผมไปเต็มๆ นั้นเป็นเหตุผมที่ผมดู Stranger than Fictionในตอนแรก แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมากลับเป็นอีกแบบหนึ่งนั้นคือ Stranger Than Fiction แปลตรงตัวได้ว่า"แปลกกว่านิยาย" เป็นหนัง comedy drama fantasy ที่ค่อนข้างไปทาง drama fantasy มากกว่าcomedyด้วยซ้ำ เหตุผลเดียวที่มีความcomedyคือมีหน้าของWill Ferrellในหนังครับ ถ้าให้นักแสดงคนอื่นมาแสดงแทนหนังสามารถกลายเป็นdrama fantasyได้อย่างง่ายดาย โดยตัวหนังไม่ได้เน้นไปที่ทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็น Drama หรือ Comedyครับ

หนังว่าด้วยเรื่องของ Harold Crickเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบบัญชีของกรมสรรพากรผู้มีชีวิตที่แสนน่าเบื่อทุกวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำอะไรเดิมๆเดินทางมาทำงานแบบเดิมเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนที่น่าเบื่อคนหนึ่งนั้นเอง กิจวัตรประจำวันของเขาสามารถคาดเดาได้หมดเดินกี่ก้าว แปรงฟันถูขึ้นกี่ครั้งถูลงกี่ครั้ง เขาเป็นคนที่ไม่เคยคิดจะลองอะไรใหม่ๆในชีวิตเลยนั้นเอง เช้าวันธรรมดาวันหนึ่งเขาได้ยินเสียงกำลังบรรยายถึงสิ่งที่เขากำลังอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบความสามารถในการทำงานของHaroldเขาจึงถูกสั่งให้ลาพักร้อนเพื่อพักจนกว่าจะหายดี ระหว่างที่เขาพักได้พยายามลองทำอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยทำเพราะเขาเชื่อว่าถ้าได้ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยการไม่ทำอะไรจำเจเสียงบรรยายนั้นอาจจะหายไปและอาการเขาอาจจะดีขึ้น Haroldได้พบรักได้ค้นพบความหมายของชีวิตมากขึ้นแต่เสียงบรรยายนั้นก็ยังดังอยู่ในหัวเขาเป็นครั้งเป็นคราว เขาจึงปรึกษาจิตแพทย์เพราะคิดว่าเป็นอาการผิดปกติทางจิต  Professor Jules นักจิตแพทย์และ Harold ช่วยกันหาต้นตอของเสียงบรรยายนั้นจนได้พบโดยบังเอิญว่านั้นคือเสียงของ Karen Eiffel นักเขียนชื่อนิยายชื่อดัง นิยายขายดีของเธอทุกเรื่องนั้นสมบูรณ์แบบได้เพราะการที่ตัวละครหลักนั้นเสียชีวิตเพื่ออะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ในตอนท้ายของเรื่อง Haroldจึงพยายามทุกทางเพื่อให้ Karen รู้ว่าเขานั้นมีตัวตนในโลกแห่งความจริงไม่ใช่แค่ตัวละครในหนังสือของเธอที่กำลังจะถูกเธอกำจัดเท่านั้น

เนื้อเรื่องที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ผมคิดว่าผู้แต่งสามารถคิดออกมาได้อย่างไร ผู้ชายคนหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงตัวเองพบรัก ค้นพบวิธีแสวงหาความสุขของตน พบว่าชีวิตมีความหมายมากกว่าอยู่ใช้ชีวิตซ้ำซากไปวันๆ แต่สุดท้ายต้องพบว่าตนเป็นเพียงตัวละครหนึ่งในหนังสือของผู้เขียนที่จ้องจะพรากชีวิตเขาในตอนสุดท้าย หนังทำออกมาไม่เครียดดูเพลินๆ การดำเนินเรื่องเดาได้ง่ายในระดับหนึ่งว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่สิ่งที่เดาไม่ได้เลยคือสุดท้ายตัวเอกจะอยู่หรือจะตายหรือไม่ด้วยน้ำมือของนักเขียน

รีวิวตัวละคร
Harold Crick (Will Ferrell) Will สามารถทำให้ผมลืมภาพเพี้ยนๆของเขาจากหนังเรื่องอื่นได้อย่างสิ้นเชิงเพราะเรื่องนี้คุณจะแทบไม่เห็นรอยยิ้มของเขาเลย ผมว่าWillได้แสดงให้เราเห็นว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่านักแสดงมืออาชีพอย่างแท้จริง

Karen Eiffel (Emma Thompson) นักแสดงชาวอังกฤษมากฝีมือคนนี้ตีความตัวละครตัวนี้มาได้อย่างเฉียบขาดมากครับ ดูสมกับเป็นนักเขียนช่างจินตนาการผู้ต้องการทำให้เรื่องของเธอออกมาให้ยอดเยี่ยมที่สุดครับ

Professor Jules Hilbert (Dustin Hoffman)  เป็นนักแสดงที่เหมาะสมกับบทนี้มากครับ ที่ปึกษาทางของ Harold ที่คอยช่วยเพื่อหาทางออกต้นตอของเสียงบรรยายในหัวของ Harold

Ana Pascal (Maggie Gyllenhaal) รับบทเป็นสาวเจ้าของเบเกอรี่สุดแสนจะอินดี้ เท่สุดๆครับกับบทนี้ของMaggie แม้เคมีพระนางระหว่างเธอกับตัวเอกจะไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ก็ตามเพราะในโลกความจริงผมไม่ค่อยคิดว่าคนสองประเภทที่แตกต่างกันแบบสุดโต่งจะรักและอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัวเหมือนในเรื่องครับ

Penny Escher (Queen Latifah) ผู้ช่วยของKarenที่ถูกส่งมาจากสำนักพิมพ์เพื่อให้หนังสือเสร็จทันกำหนด จริงบทไม่ได้โดดเด่นสักเท่าไหร่และไม่ได้มีอะไรให้น่าจดจำมากนักครับ

ด้วยความที่เนื้อหาค่อนข้างแปลกและใช้เวลาในการดำเนินเรื่องพอสมควรถึงจะเข้าใจถึงแก่นของหนังจึงทำให้หลายคนอาจเมินหน้าหนีตั้งแต่ครึ่งชม.แรกก็เป็นได้ บวกกับการที่เมื่อคนเห็นหน้า Will Ferrell แล้วคาดหวังว่าเป็นหนังcomedyบ๊องๆเรื่องหนึ่งเมื่อดูไปสักพักก็อาจเลิกดูเพราะไม่ฮาอย่างที่คิดก็เป็นไปได้อีก ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่นักด้วยความที่ไม่สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งสักทีเดียว ซึ่งโดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีดีมากกว่าที่คิดเยอะอยู่เหมือนกันรวมทั้งเป็นหนังที่ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตได้ดีทีเดียว

 

หนังเรื่องนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าถ้าวันหนึ่งตัวผมเองพบว่าจริงๆผมเป็นเพียงตัวละครหนึ่งที่ถูกคนๆหนึ่งลิขิตให้ตายเพื่ออะไรที่มีความหมายบางอย่าง ผมจะยินดีที่จะให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ หรือจะขออยู่ไปอย่างไร้ความหมายไปวันๆ

 

ลองเปิดใจเปิดตาเปิดหัวใจหามาดูนะครับ คุณอาจชอบหนังเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยแต่จะบอกว่าหาดูยากพอสมควรนะครับ ใครดูแล้วรู้สึกยังไงบอกกันได้นะครับ