ค้นหาหนัง

The Banquet

The Banquet
เรื่องย่อ : The Banquet

The Banquet วางเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นในแผ่นดินจีนโบราณระหว่างยุคสมัยของ 5 ราชวงศ์ และ 10 แผ่นดิน (คริสต์ศักราชที่ 907-960) เมื่อราชวงศ์ต่างๆ ทางตอนเหนืออยู่ในยุคเฟื่องฟู ในขณะดินแดนทางใต้ รัฐอิสระจำนวน 12 รัฐต่างห้ำหั่นชิงชัยกัน ขณะเดียวกัน อาณาจักรกีตันที่อยู่ชิดติดชายแดนได้รุกคืบเข้ามายังแมนจู พวกเขาพร้อมแล้วที่จะพิชิตแผ่นดินจีนเมื่อโอกาสมาถึง ท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่มีความวุ่นวายภายในและการคุกคามจากภายนอก ได้กำเนิดราชินีผู้เป็นตำนาน นอกจากจะมีรูปโฉมสคราญและอายุวัยเยาว์แล้ว ฮองเฮาวาน (จางซิยี่) ยังมีความว่องไวและเฉลียวฉลาด พระนางสามารถควบคุมทัพเรือนับพันลำด้วยเสน่ห์ และต่อสู้กับทหารนับร้อยด้วยเพลงดาบ แต่ในชีวิตพระนางยังมีบางสิ่งที่ขาดหายไป เนื่องเพราะไม่สมหวังกับชีวิตรักบนบัลลังก์ ฮองเฮาวานมีใจให้กับลูกเลี้ยง ซึ่งก็คือวูหลวน (แดเนียล วู) องค์ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมและดูเศร้าสร้อยที่อายุมากกว่าพระนางสี่เดือน ผู้หลบลี้หนีออกจากพระราชวังเพื่อเสพศิลปะแห่งดนตรีและการร่ายรำโบราณ เมื่อจู่ๆ องค์ฮ่องเต้เกิดสิ้นพระชนม์ลง และหลี่ (จีหยู) พระเชษฐาของฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์ ฮองเฮาวานทำให้ทุกคนช็อคด้วยการยอมอภิเษกใหม่กับหลี่ โดยเชื่อว่านี่คือหนทางเดียวที่จะปกป้องวูหลวน ขณะเดียวกันมันก็คือการรักษาไว้ซึ่งสถานะของพระนางในวัง อย่างไรก็ดี หลี่ไม่ใช่คนโง่ แม้จะหลงใหลในเสน่ห์ของอดีตฮองเฮาของพี่ชาย แต่หลี่แค่แสร้งทำเป็นหลงกลของวานเพื่อสนองตัณหาของตนเท่านั้น เมื่อเขาส่งเหล่าราชองครักษ์ออกไปสังหารหลานชายตัวเอง วูหลวนที่เศร้าเสียใจจากการตายของพระบิดา และตื่นตะลึงที่แม่เลี้ยงแต่งงานกับอา ถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุดเมื่อเขารู้ว่าชีวิตตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย หลังจากรอดพ้นจากความพยายามลอบสังหารในการต่อสู้ที่แสนดุเดือด องค์ชายวูหลวนตั้งใจจะเดินทางกลับเข้าวังและแก้แค้นด้วยการสังหารอาของเขา ที่องค์ชายเชื่อว่าเป็นผู้ลงมือสังหารพระบิดาของเขา เมื่อองค์ชายวูหลวนกลับถึงวังหลวง เขาพบตัวเองติดอยู่ตรงกลางรักสามเส้า เมื่อหญิงหนึ่งคือวาน และอีกนางหนึ่งคือฉิงหนิว (จูซัน) บุตรีของขุนพลใหญ่ ฉิงหนิวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับหิมะ หลงรักวูหลวนและพร้อมจะสละชีวิตเพื่อเขา เมื่อฮ่องเต้หลี่ป่าวประกาศว่าจะมีการจัดพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ องค์ชายวูหลวนรู้ดีว่านี่คือโอกาสอันดีที่จะลงมือ ขณะเดียวกัน ฮองเฮาวานและท่านขุนพลต่างมีแผนการของตนเช่นกัน...

IMDB : tt0465676

คะแนน : 6



ผู้ที่แย่งชิงอำนาจมาอย่างทุจริต ไร้ซึ่งจุดหมายเพื่อคนส่วนใหญ่ มักมีแต่รอยเลือด คราบน้ำตา และความอ้างว้างเป็นบทสรุปในปลายทาง!

ไม่ได้พาดพิงอิงถึงรัฐบาลชุดไหน พูดถึงเรื่องในหนังครับ

The Banquet เล่าถึงการแย่งิชงบัลลังก์สมัยราชวงศ์ถัง เมื่อพระเชษฐาขององค์ฮ่องเต้ (เกอโหย่ว) ได้วางแผนลอบสังหารฮอ่งเต้ลง เพื่อให้ตนขึ้นครองราชย์แทน พร้อมทั้งบังคับให้ไทเฮา (จางซิยี่) กลายมาเป็นฮองเฮาของตน

ส่วนองค์รัชทายาทอู๋หลวน (แดเนี่ยล วู) เลือกหนีออกจากวัง ไปตั้งแหล่งซ้อมศิลปะเต้นรำตามที่ตนชอบ แต่ก็ไม่วายโดนตามล่าโดยเสด็จอาของตน ทำให้อู๋หลวนจำตองกลับมาทวงความเป็นธรรมให้กับเสด็จพ่อ รวมถึงประชาชนที่ต้องตกระกำลำบากอันเนื่องมาจากการปกครองแบบเผด็จการของอาตนเอง

เรื่องราวนอกจากนี้ก็ดูในแผ่นหนังได้ตามสะดวก

เป็นหนังจีนสไตล์โกอินเตอร์นะครับ ที่เน้นเนื้อเรื่องต้องยิ่งใหญ่ มีฉากบัลลังก์ วังหลังยักษ์ คนเข้าฉากเยอะ ฉากต่อสู้เน้นงดงาม มีการสโลว์บ้างพอหอมปากหอมคอ ตามสูตรรุ่นพี่อย่าง Crouching Tiger, Hidden Dragon แล้วก็ Hero มาติดๆ จนยกให้เป็นสูตรสำเร็จสำหรับหนังจีนไปเรียบร้อย

The Banquet อิงเรื่องหลวมๆ มาจาก Hamlet ที่แสนจะโด่งดังของ William Shakespeare เนื้อหาหลักๆ เลยว่าด้วยการชิงบัลลังก์ แต่ถ้าให้ว่าตามจริง ก็แยกไม่ค่อยออกหรอก เพราะหนังจีนระยะหลังๆ ชอบเอาเรื่องโค่นบัลลังก์เป็นหลัก จนจะดัดแปลงมาจากไหนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ทำออกมาสนุกหรือเปล่า

กับเรื่องนี้ ผมเฉยๆ

ฉากแรกที่หนังแพนกล้องไปตามป่าไม้เขียวขจีก็รู้สึกโอเค ภาพสวยเหมือนหนังจะมีอะไรขึ้นมาบ้าง แต่หลังจากนั้นกลับธรรมดาหมด ไม่ว่าจะฉากรบราต่อสู้ก็ไม่ได้เร้าใจตื่นเต้น แม้จะมีครบสูตรทั้งลีลาและการสโลว์โมชั่นตามระดับความเร้าใจมากน้อย แต่ส่วนมากความเร้าใจน้อยเหลือเกิน

ฉากต่างๆ พวกราชวังก็ไม่ได้อลังการ กว้างนั้นกว้างจริง แต่ก็ไม่ได้จับใจ

หนังยาวสองชั่วโมงกว่า แต่เนื้อหาไม่ลุ้น ดารามีชื่อ เล่นดีแต่ดีกรีความน่าติดตามนับว่าน้อย อ่อนพลังยังไงก็ไม่ทราบ ดูไปแล้วพาลจะของีบซักนิดสองนิด

แม้องค์ประกอบต่างๆ จะไม่น่าสนใจ แต่ก็ใช่จะไร้สาระ

เรื่องที่เริ่มมาจากความโลภ ทรยศ เหลิงอำนาจไม่เคยลงท้ายด้วยสวยงามแม้แต่ครั้งเดียว

ฉากต่างๆ ที่ผมติดใจมีแค่สองฉาก อันแรกคือฉากใบไม้พริ้วไหวตามลมที่ดูงดงาม กับฉากในวังที่เต็มไปด้วยความมืด ราวกับปราสาทผีสิง สื่อถึงความมืดมนแห่งยุคสมัยนั้น ฉากสู้กันก็มีที่ชอบคือตอนตีกันในป่า ยิ่งฉากนักฆ่าสไลด์ลงมาเตรียมสังหารเป้าหมาย ได้ใจไปพอตัว

สรุปว่าไม่เชิงเป็นหนังประทับใจเท่าไหร่ ท่านที่ชอบหนังแนวนี้ดูได้ไม่เสียหาย แต่ถ้าไม่ชอบ Crouching หรือ Hero เป็นทุนเดิมก็ไม่ต้องแวะเวียนมาดูให้เสียเวลา