ค้นหาหนัง

The Bodyguard | เดอะ บอดิ้การ์ด เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ

The Bodyguard | เดอะ บอดิ้การ์ด เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ
เรื่องย่อ : The Bodyguard | เดอะ บอดิ้การ์ด เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ

แฟรงค์ ฟาร์เมอร์ (Kevin Costner) บอดี้การ์ดมือดี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยลับที่เคยคุ้มกันประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนมาก่อน เขาถูกตามตัวมาปกป้อง ราเชล มาร์รอน (Houston) นักร้องสาวสุดดัง เพราะมีใครบางคนคอยติดตามเธอและอาจลงมือทำร้ายเธอเมื่อไรก็ได้

IMDB : tt0103855

คะแนน : 8



จำหนังเรื่องนี้ได้ไหมครับ? (ใครตอบจำได้ ระวังโดน “ดักแก่” นะครับ 555 )

จำได้ตอนออกฉายนี่เข้าขั้นฮิตเลยครับ ทำเงินไป $122 ล้านในอเมริกา (ถ้าปรับเป็นค่าเงินปัจจุบันจะเท่ากับทำไป $245 ล้านเลยล่ะครับ) บ้านเราก็โกยไปอื้อ มีคนพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง

ยิ่งเพลง I Will Always Love You นี่ได้ยินบ่อยมาก จนนึกว่าเจ๊ Whitney Houston ย้ายมาอยู่เมืองไทย เพราะไปตรอกซอยหรือห้างไหนก็ได้ยิน ส่วนคนที่พยายามร้องตามหลายรายก็แทบต้องไปพบแพทย์ครับ… ปอดมันจะระเบิดเอา!

ส่วนตัวหนังว่าตามจริงคือดูได้เพลินๆ นะครับ แต่ก็ไม่ถึงกับสุดยอดจนลืมไม่ลง แต่ถ้าถามว่าทำไมมันฮิตก็คงตอบได้ว่า เป็นเพราะองค์ประกอบมันพอเหมาะพอดีในระดับหนึ่ง

ตัวเอกของหนังชื่อ แฟรงค์ ฟาร์เมอร์ (Kevin Costner) บอดี้การ์ดมือดี อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยลับที่เคยคุ้มกันประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนมาก่อน เขาถูกตามตัวมาปกป้องราเชล มาร์รอน (Houston) นักร้องสาวสุดดัง เพราะมีใครบางคนคอยติดตามเธอและอาจลงมือทำร้ายเธอเมื่อไรก็ได้

หากหนังเอามาฉายสมัยนี้อาจตั้งชื่อประมาณว่า “บอดี้การ์ดหน้าตายกับยัยเซเลบจอมมั่น” น่ะครับ มันคือเรื่องแบบสูตรสำเร็จแบบหนึ่ง แต่ก็อย่างที่ผมพูดเสมอครับ ใช้สูตรสำเร็จน่ะไม่เป็นไรหรอก ขอเพียงทำออกมากลมกล่อมก็พอ และกับหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เลวครับ อันที่จริงผมว่าองค์ประกอบมันพอเหมาะนะ ดารานี่เลือกมาดี Kostner มาดให้สุดๆ กับบทแฟรงค์ ส่วน Houston ผู้ล่วงลับก็ถือว่าน่าจดจำทีเดียวสำหรับการขึ้นจอใหญ่เป็นครั้งแรก 2 คนนี้ก็เล่นได้เข้ากันกำลังดีเลยล่ะครับ

บทที่ Lawrence Kasdan เขียนออกมาจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรือแปลกใหม่ครับ แต่เป็นบทประเภทที่ต้องอาศัยความเก่งของดารา และความเก๋าของผู้กำกับ ขอเพียงดาราเล่นกันได้ลื่น ทำให้คนดูจิ้นได้ว่าพระนางเขารักกัน และผู้กำกับเล่าเรื่องให้น่าติดตาม มีลูกเล่นหยอดให้คนดูสนใจเรื่อยๆ แค่นี้ก็เรียบร้อย

ดาราดีครับ แต่ถ้าพูดถึงลูกเล่นการคุมหนังของผู้กำกับก็อาจต้องบอกว่ายังดีได้อีกพอสมควร ซึ่งคนกำกับก็คือ Mick Jackson ครับ ขานี้เคยทำ L.A. Story ไว้ แม้เรื่องนั้นจะเจ๋งแต่ก็ต้องยอมรับว่าความดีความชอบของหนังต้องยกให้ Steve Martin ไปกว่าครึ่ง (เพราะลุงเขาทั้งแสดงนำและเขียนบทครับ ดังนั้นพวกลูกล่งลูกเล่นต่างๆ ก็ลุง Steve แกนี่แหละที่เนรมิต) ส่วนเรื่องนี้ก็ถือว่าออกมาเรื่อยๆ ครับ แต่ก็ถือว่าเข้าข่าย “ดีได้อีก” นั่นล่ะ

สรุปว่าหนังออกมาเพลินๆ ครับ ดาราเล่นกันชวนให้ติดตาม ชวนให้อิน เสียดายที่ด้านเรื่องราว ด้านบทยังไม่ชวนให้อินขนาดนั้น เลยมีช่วงช้าๆ บ้าง นิ่งบ้างแทรกเป็นพักๆ