ค้นหาหนัง

The Darkest Minds : จิตทมิฬ

The Darkest Minds : จิตทมิฬ
เรื่องย่อ : The Darkest Minds : จิตทมิฬ

เรื่องราวของ The Darkest Minds มีองค์ประกอบที่น่าสนใจเพราะบรรดาตัวละครนำของเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นวัยรุ่นที่มีพลังจิต หนังเล่าเรื่องราวในโลกอนาคตอันใกล้ ที่อยู่ดี ๆ บรรดาเด็ก ๆ ก็ล้มตายไปเสียเฉย ๆ กว่า98% ส่วนที่เหลือ 2% ก็กลายเป็นเด็กที่มีพลังจิต รัฐบาลจึงต้องจัดตั้งแคมป์ขึ้นมาดูแลเด็กพวกนี้โดยแบ่งเด็กออกเป็น 5 ระดับ ตามขีดความอันตรายของพลังจิต จาก เขียว , น้ำเงิน , ทอง , ส้ม , แดง ซึ่งรัฐบาลต้องการหาประโยชน์จากคนพวกนี้ และกลัวพวกเขาไปในคราวเดียวกัน

IMDB : tt4073790

คะแนน : 5



หนังได้ เจนนิเฟอร์ ยูห์ เนลสัน ผู้กำกับหญิงเชื้อสายเกาหลีมารับหน้าที่ ชื่ออาจจะไม่คุ้น แต่ผลงานที่ผ่านมาของเธออย่าง Kungfu Panda 2 และ 3 ก็ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่เมื่อมาจับหนังคนแสดงก็เลยเล่าทุกอย่างออกมาดูเบาบาง สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของ The Darkest Minds ก็คืออมันด์ลา สเตนเบิร์ก ดาราสาววัย 20 ที่มารับบทรูบี้ อมันด์ลามีเสน่ห์น่ามองในหลาย ๆ มุม เป็นสาวผิวสีที่ดูสวย ดูแล้วพอจะเชื่อได้ว่าเธอเป็นเด็กสาววัย 16 และ The Darkest Minds ก็ไม่ใช่งานหนังจากนิยายเยาวชนเรื่องแรกของเธอ เพราะตอนอายุ 14 เธอก็เคยรับบทเป็น “ริว” ใน The Hunger Games ภาคแรกมาแล้ว ที่เซอร์ไพรส์สุดคือ แมนดี้ มัวร์ อดีตนางเอกคนสวย และนักร้องชื่อดัง ที่ไปเอาดีกับการแสดงทีวีซีรีส์ กลับมาแสดงอีกครั้งในวัย 34 ในบทคุณหมอเคต กับใบหน้าที่อวบอิ่มขึ้น และไฝบนโหนกแก้มขวาที่เป็นโลโก้ของเธอก็หายไปแล้ว ปีที่แล้วดู 47 Meters Down ยังเห็นไฝอยู่เลย ด้วยเหตุที่หนังมีต้นฉบับเป็นนิยายเยาวชน ทุกอย่างจึงถูกเล่าออกมาในทางสายกลาง ข้อดีก็คือหนังดูได้ทุกเพศทุกวัย ไร้ซึ่งคำหยาบและความรุนแรง แม้ในเรื่องจะเต็มไปด้วยมนุษย์กลายพันธุ์ แต่เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ผู้มีความสามารถทางด้านพลังจิตก็ถูกเล่าบนจอมาแล้วหลายต่อหลายรอบ ไม่ได้มีความสามารถที่แปลกใหม่น่าตื่นตา โครงเรื่องถ้ามองกว้าง ๆ ก็มาตามอีหรอบเดิมของนิยายเยาวชนที่ทุกเรื่องจะต้องมีรัฐบาลเป็นตัวร้ายและเหล่าเด็กขบถเป็นตัวเอกทั้ง Divergent , The Hunger Games , Maze Runner แล้วในฐานะผู้ที่มาทีหลัง แต่ไม่สามารถเล่าเรื่องได้แปลกใหม่และเข้มข้นกว่า 1 ชั่วโมง 45 นาทีของหนัง ถือว่าอัดแน่นด้วยเรื่องราวมากมาย ในฐานะหนังภาคแรกทีต้องเล่าที่ไปที่มาของตัวละครหลัก และหลายกลุ่มหลายก๊วนในเรื่อง หนังเล่าเรื่องได้เคลียร์ไม่สับสน แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ “ความเข้นข้นของเนื้อหา” The Darkest Minds จึงเป็นภาคที่ออกสตาร์ทได้ไม่สวยนัก หนังอยู่ในระดับที่พอดูได้เพลิน ๆ อยากลุกไปเข้าห้องน้ำตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลใจว่าจะพลาดอะไรไป กับเนื้อหาที่ขาดความเข้มข้นที่เป็นปัจจัยหลักที่จะพาให้หนังสานต่อเป็นแฟรนไชส์ยาว ๆ ได้ The Darkest Minds จึงเหมาะกว่าที่จะสร้างออกมาเป็นซีรีส์ ก็ตกอยู่ในสภานะที่น่าเป็นห่วง มีแววว่าหนังจะหยุดอยู่แค่ภาคแรก แต่ว่าหนังใช้ทุนสร้างไปแค่ 35 ล้านเหรียญ ถ้าคว่ำขึ้นมา ค่ายก็ไม่เจ็บตัวนัก