ค้นหาหนัง

The Departed

The Departed
เรื่องย่อ : The Departed

The Departed เดินเรื่องในบอสตันตอนใต้ ที่ซึ่งตำรวจรัฐทำสงครามกับองค์กรอาชญากรรม บิลลี่ คอสติแกน (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบ ได้รับมอบหมายให้แทรกซึมเข้าไปในกลุ่มอาชญากร ที่มี แฟรงค์ คอสเตลโล (แจ็ค นิโคลสัน) เป็นหัวหน้า ในขณะที่บิลลี่ได้รับความไว้วางใจจากคอสเตลโลอย่างรวดเร็วนั้น โคลิน ซุลลิแวน (แมตต์ เดมอน) อาชญากรหนุ่มจอมโหด ซึ่งได้เข้าแทรกซึมกรมตำรวจ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้กับคอสเตลโล ก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ในหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่ละคนต่างถลำลึกกับการใช้ชีวิตสองหน้า รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแผนการณ์ และแผนซ้อนแผนในปฏิบัติการที่ตนได้วางช่องทางไว้ แต่เมื่อเป็นที่ชัดเจนกับทั้งทางกลุ่มอาชญากรและตำรวจ ว่าต่างก็มีหนอนบ่อนไส้ บิลลี่และโคลินจึงตกอยู่ในความล่อแหลมที่จะถูกจับได้ และถูกเปิดโปงกับฝ่ายศัตรู - ต่างฝ่ายจึงต้องแข่งกับเวลา ที่จะเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่าย ให้ทันเวลาเพื่อเอาตัวรอด

IMDB : tt0407887

คะแนน : 9



ำหรับ The Departed นั้น เป็นหนังรีเมคมาจาก Infernal Affair หรือตำนาน 2 คน 2 คม ผ่านมือผู้กำกับอย่าง Martin Scorsese จนออกมาเป็นหนังสไตล์ตำรวจปะทะเจ้าพ่อดีๆ อีกเรื่องที่เน้นหนักไปยังการเป็นสายที่แฝงตัวเข้าไปยังอีกฝั่ง ที่ทำออกมาได้เข้มข้นระทึกเชือดเฉือดกันเหลือเกิน จนเอาเป็นว่าถ้าใครชอบต้นฉบับอย่าง Infernal Affair ก็อยากให้เปิดใจดูเวอร์ชั่นนี้กัน ว่าสุดท้ายแล้วจะออกมาชอบสไตล์ไหนมากกว่ากัน

  • สายหนังอาชญกรรมหักเหลี่ยม
  • สายหนังเจ้าพ่อเชือดเฉือน
  • สายหนังตำรวจสุดระทึก

โดยปกติแล้วพวกหนังที่เป็นงานรีเมคนั้นมักถูกเอาไปเปรียบเทียบกับงานต้นฉบับอยู่เสมอ และบ่อยครั้งก็ต้องเป็นงานใหม่ที่พ่ายแพ้ให้กับงานเก่าไป แต่ไม่ใช่กับหนังอย่าง The Departed ที่รีเมคมาจากหนังฮ่องกงขึ้นหิ้ง Infernal Affair อย่างแน่นอน เพราะเมื่อหนังได้มาอยู่ในมือผู้กำกับมือเก๋าอย่างปู่ Martin Scorsese แล้ว ก็พาเอาหนังไปถึงจุดสูงสุดของวงการภาพยนตร์อเมริกันในปีนั้น ด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยมมาครองอย่างสวยงาม แถมยังคงหัวใจสำคัญของเรื่องราวไว้ได้อย่างครบถ้วน

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการดำเนินเรื่องที่เข้มมากๆ จากการเอาบทดั้งเดิมมาปรับให้เข้ากับความเป็นอเมริกันมากขึ้น จนทำให้แม้ว่าตัวหนังจะเป็นการรีเมคมา แต่ฟิลลิ่งในการรับชมกลับเปลี่ยนไปได้เหมือนดูหนังคนละเรื่อง ทั้งๆ ที่หลายๆ ฉากแทบจะเหมือนกันด้วยซ้ำ (แต่จริงๆ ก็เป็นคนละเรื่องนั่นแหละ) ซึ่งหนังยังคงขับเคลื่อนไปด้วยตัวของบทสนทนาเชือดเฉือนกันได้เป็นอย่างดี ที่พอเข้าปากของทีมนักแสดงชั้น ที่เข้าฉากด้วยกันทีไรก็ต้องส่งพลังการแสดงให้กันได้อย่างมาก โดยเฉพาะดารานำทั้งคู่อย่าง Leonardo DiCaprio และ Matt Damon ที่ต่างแสดงถึงพัฒนาการของตัวละครที่เริ่มถลำลงไปในสภาพแวดล้อมของอีกฝ่ายได้รู้สึกเครียดแทนมากๆ 

จนทำให้แม้ว่าหนังจะใช้เวลายาวแบบจัดเต็มถึง 2 ชั่วโมงครั้ง แต่ก็กลับไม่มีฉากไหนที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย ด้วยการที่หนังดูเหมือนเล่นเครื่องตลอดเวลา ด้วยการตัดต่อที่บีบคั้น แถมยังมีการสับขาหลอกไปมาของตัวละครว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นคนดีหรือคนเลวกันแน่ เพราะด้วยการเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจของตัวละครที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จนทำให้คนดูเองก็คาดเดากับหนังไม่ได้เลยว่าในปลายทางของมันนั้นจะลงเอยในแบบเดียวกับต้นฉบับหรือไม่ จนทำให้มันกลายเป็นหนังรีเมคอีกเรื่องที่รอดพ้นจากข้อครหาทุกประการ แถมหลายๆ คนยังต่างชื่อชมว่ามันดีกว่าต้นฉบับเสียอีก