ค้นหาหนัง

The Iceman Cometh | บ้าทะลุศตวรรษ

The Iceman Cometh | บ้าทะลุศตวรรษ
เรื่องย่อ : The Iceman Cometh | บ้าทะลุศตวรรษ

“บ้าทะลุศตวรรษ” หรือ “The Iceman Cometh” ภาพยนตร์แนวกำลังภายในผสมแฟนตาซี หนึ่งในผลงานของผู้กำกับฯ ฝีมือดีอย่าง “ฮั่วเย่าเหลียง” โดยเรื่องนี้ได้ “หยวนเปียว” เจ้าพ่อฉากบู๊แห่งยุค 90 มาแสดงนำในบท “ฟังโส่วเจิ้ง” จอมยุทธ์หลงยุคที่ประสบชะตากรรมจากสมัยราชวงศ์หมิง จนทะลุมิติข้ามเวลามายุคปัจจุบัน และร่วมถ่ายทอดความมันระดับพระกาฬด้วยนักแสดงชั้นนำอย่าง เหยวียนหวา และจางม่านอวี้

IMDB : tt0097618

คะแนน : 7



ช่วงปลายยุค 80 ต้น 90 อันเป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งเรืองของหยวนเปียวแล้ว นอกจากหนังเรื่องหวงเฟยหงภายแรกที่เค้าเล่นแล้ว ผลงานโดดเด่นของหยวนเปียวก็คือ การรับบทประเภท "จอมยุทธเข้าเมือง" ในหนังอย่าง Peacock King และภาคต่อ Saga of the Phoenix, The Kid From Tibet ที่เค้ากำกับเอง และ The Iceman Cometh หนังจำพวกนี้ หยวนเปียว มักจะแสดงเป็นหนุ่มจากดินแดนที่แสนใกล (ไม่ว่าจะเป็นในแง่ระยะทาง หรือระยะเวลา) ที่ต้องเข้ามาผจญภัยในโลกแห่งความซิวิไลท์ ด้วยหน้าตาแนวเด๋อๆ ด๋าๆ ผสมกับมุขตลกแนวบ้านนอกเข้ากรุง มีดาราสาวๆ มารับบทหญิงทันสมัยชาวกรุงที่มาหลงรักพระเอกบ้านนอก แถมท้ายด้วยฉากแอ็กชั่นมันๆ และเทคนิคพิเศษตามสมัยนิยม

หนังในทำนองนี้ของหยวนเปียว ที่ได้รับการจดจำในแง่ความสนุกสนาน และความสมบูรณ์ของฉากแอ็กชั่นมากที่สุดน่าจะเป็น The Kid From Tibet ที่หยวนเปียวกำกับเอง แต่อีกเรื่องที่เป็นที่น่าจดจำไม่แพ้กัน และโดดเด่นกว่าด้วยซ้ำ ก็คือ The Iceman Cometh นั้นเอง หนังเล่าเรื่องของหนุ่มจากยุคโบราณที่หลุดมายังโลกปัจจุบัน เพื่อตามล่าตามล้างคู่แค้น ทั้งเนื้อเรื่อง และมุขการข้ามเวลาแบบนี้ ดูแล้วหนังน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากหนังฝรั่งเรื่อง The Highlander ที่ฉายในช่วงนั้น แต่ The Iceman Cometh ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ความสนุกสนานในแบบหนังฮ่องกง

ฟังโส่วเจิ้ง (หยวนเปียว) รองหัวหน้าองค์รักได้รับหน้าที่ให้ไปจังการกับ โจรล่าสวาทอย่าง ฟงซาน (หยวนหัว) ที่ดันไปฆ่าข่มขืนทั้งนางสนมกำนัน รวมถึงองค์หญิงเข้า สำหรับโส่วเจิ้งแล้ว ฟงซาน ไม่ใช่เพียงโจรล่าสวาทธรรมดา แต่ยังคงเป็น ศิษย์ร่วมสำนักของ โส่วเจิ้งด้วย โส่วเจิ้งติดตามไล่ล่า ฟงซานไปถึงภูเขาอันหนาวเหน็บ ทั้งคู่ต่อสู้โรมรันพันตู จนกระทั่งเกิดพายุหิมะขึ้น โส่วเจิ้งแล้ว ฟงซาน หิมะจำนวนมหาศาล ถาโถมเข้าผังร่างของคนทั้งคู่

โส่วเจิ้งและ ฟงซาน ถูกแช่แข็งอยู่หลายร้อยปี ผ่านช่วงเวลานานหลายราชวงศ์ของจีน จนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ขุดลงไปในหิมะลึก จนเจอร่างของทั้งสอง ซึ่งนั้นถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ร่างในหิมะทั้งคู่ถูกนำพาไปยังพิพิธพันธ์ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจนได้ เกิดความขัดข้อง ทางไฟฟ้า นำแข็งบนร่างของโส่วเจิ้งละลายออก จอมยุทธหนุ่มเมื่อหลายร้อยปีก่อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และหลุดรอดมายังโลกยุคใหม่ ที่เมืองอย่างฮ่องกง

ขณะที่มืดแปดด้านนั้น โส่วเจิ้งได้พบกับสาวงามอย่าง พอลล่า (จางม่านอวี้) โดยบังเอิญ ขณะที่เธอกำลังโดนชายกลุ่มหนึ่งคุกคาม จอมยุทธหนุ่มสอดมือเข้าช่วย โดยหารู้ไม่ว่า สาวสวยอย่าง พอลล่า นั้นแท้จริงแล้วเป็นอีตัว ถึงจะประกอบอาชีพดังกล่าวแต่ เธอก็น่าจะได้ชื่อว่าเป็น อีตัวที่รักนวลสงวนตัวที่สุดในฮ่องกง เธอมักจะรับงาน แต่ไม่ยอมเสียตัว และเชิดเงินมาซะอีก ชายกลุ่มนั้นก็คือลูกค้าที่ถูกโกงของพอลล่านั้นเอง แน่นอนว่าโส่วเจิ้งไม่ได้ล่วงรู้ถึงความจริงข้อนั้น สำหรับเข้า พอลล่า คือสาวงามที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง และกำลังจะถูกทำร้าย โส่วเจิ้งช่วงเหลือเธอ และได้รับการตอบแทนคือ การให้ที่อยู่ พอลล่าเองเห็นว่าไอ้หนุ่มคนนี้ท่าทางใช้ได้ ถึงแม้จะบ๊องๆ ไปหน่อยที่ชอบพูดว่าตัวเองเป็นองค์รักหลวง จึงให้การเลี้ยงดูเค้าไว้ในฐานะ เอ่อ... ทาศ ค่อยรับใช้ และช่วยหลอกเอาเงินชาวบ้าน โส่วเจิ้งค่อยปรับตัวใช้ชีวิต ในโลกปัจจุบัน ไปเรื่อยๆ โ่ดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า คู่แค้นอย่าง ฟงซาน ก็พื้นคืนชีวิตขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

หนังทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งเนื้อเรื่อง ฉากต่อสู้ และยังมีตัวละครที่มีเสน่ห์ หยวนเปียว มาในบทเดิมๆ ซึ่งเขาก็ยังทำได้ดี ทั้งท่าทางเด๋อด๋าๆ ดูไปกันได้ดีกับหน้าตาออกบ้านนอกแบบหยวนเปียว ที่ดูขัดแย้งเหลือเกินกับฉากหลังโลกยุคปัจจุบัน นอกจากนั้นหนังยังมีฉากแสดงอารมณ์หลายๆ ฉากที่น่าสนใจ คือตอนที่ โส่วเจิ้ง เห็นละครเกี่ยวกับฮ่องเต้ของเค้าในทีวี หนังค่อยๆ เปลี่ยนจากความตลกขบขันเป็นฉากแห่งการสะเทือนใจ เมื่อจอมยุทธ ถึงกับคุกเข่าลงกับฮ่องเต้ในหนังเพราะความไม่รู้ จนกระทั่งพอลล่าอธิบายให้โส่วเจิ้ง ถึงเข้าใจว่านั้นเป็นเพียงภาพมายา เค้าดูหนังต่อไปเรื่อยๆ จนได้รู้ว่า ฮ่องเต้ในหนังต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ราชวงศ์หมิงที่เค้าเถิดทูนล่มสลายไปเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา ระหว่างอยู่ในน้ำแข็งโลกที่ โส่วเจิ้ง เคยรู้จักนั้นสูญสลายไปแล้ว

ส่วนจางม่านอวี้ ในบทอีตัวนั้นเป็นการรวมกันของทั้งความ สง่างาม แรด ร้าย เปรี้ยวจีด น่าสงสาร อยู่ในตัวละครตัวเดียวกัน ฉากที่โส่วเจิ้ง รู้ว่าแม่นางพอลล่า ผู้สูงส่งของเค้านั้นประกอบอาชีพอะไร นั้นสุดเศร้าและเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำอีกช่วงของหนัง ผู้เขียนดู The Iceman Cometh แล้วเกิดรู้สึก คิดถึง จางม่านอวี้ ในยุค 80 ขึ้นมาเหมือนกัน เธออาจจไม่ได้เล่นหนังรางวัล มีระดับ ที่ช่วยยกระดับความก้าวหน้าในอาชีพ และการยกย่องในฐานนะนักแสดงนานาชาติ อย่างที่เธอเป็นในปัจจุบัน แต่จางม่านอวี้ในยุค 80 กับหนังตลาดๆ นั้นดูน่ารัก เป็นธรรมชาติในแบบ (ตลาดๆ) มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

นอกจากหยวนเปียว และจางม่านอวี้แล้ว แล้ว หยวนหัว ที่รับบทเป็น ฟงซาน ตัวโกงตัวเอกอีกตัวหนึ่งของเรื่อง นอกจากนั้นใน The Kid From Tibet หยวนหัวก็ยังกลับมาร่วมงานกับหยวนเปียว ในบทที่คล้ายๆ เดิมอีกครั้ง พูดถึงหยวนหัว แล้วต้องยอมรับว่า นอกจากความสามารถทางการแสดง และทักษะในเชิงบู๊ แบบไม่เป็นรองใครแล้ว สิ่งที่ทำให้อาชีพการแสดงของเค้ารุ่งเรื่อง และไปได้ใกลไม่แพ้ดารากังฟูระดับพระเอกคนไหน ทั้งที่ตัวหยวนหัวเอง มักจะได้รับบทเป็นพียงตัวโกง หรือบทรองๆ เท่านั้นก้คือ หน้าตา รวมไปถึงหนวดคู่นั้น ถึงจะไม่หล่อเหลาเหมือนใคร แต่หน้าตายียวน กวนอวัยวะเบื้องต่ำ ชนิดใครเห็นก็จำได้นั้น เป็นที่ติดตา และติดใจ นักดูหนังเหลือเกิน เรียกว่าใครก็ตามที่เป็นแฟนหนังฮ่องกง จะต้องจำหยวนหัว ได้แม้จะจำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้ แต่หนวดกวนๆ คู่นั้น ไม่มีใครลืมแน่นอน

หนังออกแบบคิวบู๊โดยดารานำทั้งสองอย่าง หยวนเปียว และหยวนหัว รวมทีมกับหยวนเต๋อ และฉินเจียเล่อ เห็นชื่อเหล่านี้แล้วก็คงรับประกันได้ถึงคุณค่าภาพของฉากแอ็กชั่นในหนังได้เป็นอย่างดี