ค้นหาหนัง

The Legend of Suriyothai | สุริโยไท

The Legend of Suriyothai | สุริโยไท
เรื่องย่อ : The Legend of Suriyothai | สุริโยไท

เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 สวรรคตในปี พ.ศ. 2072 พระอาทิตยาจึงได้ขึ้นครองราชย์ ทรงพระนาม สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร ทุกพระองค์เสด็จย้ายจากพิษณุโลกไปประทับ ณ กรุงศรีอยุธยาเมืองหลวง พระเฑียรราชา และ พระสุริโยไท มีโอรสธิดาทั้งสิ้น 5 พระองค์ คือ พระราเมศวร , พระมหินทร, พระสวัสดิราช(พระวิสุทธิกษัตรีย์), พระบรมดิลก และ พระเทพกษัตรี ประทับอยู่ ณ วังชัย ดำรงอิสริยยศเป็นพระเยาวราช เมื่อสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรสวรรคตด้วยโรคไข้ทรพิษ พระไชยราชา ผู้ซึ่งดำรงพระยศเป็นพระอุปราช ควรจะได้สืบสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ แต่สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรทรงขอให้ สมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมาร พระโอรสวัย 5 พรรษา อันเกิดแต่พระอัครชายา วัย 17 พรรษา เป็นผู้ขึ้นครองราชย์แทน ระหว่างนั้น บ้านเมืองถูกบริหารโดยขุนนางทุจริต ติดสินบนเถลิงอำนาจ โดยเฉพาะ เจ้าพระยายมราช บิดาของพระอัครชายา 5 เดือนให้หลังสมเด็จพระไชยราชาธิราชจึงเข้ายึดราชบัลลังก์ และให้สำเร็จโทษพระรัษฏาธิราช ตามราชประเพณีโบราณ รวมถึงสั่งประหารขุนนางทุจริตทุกคน และทรงขึ้นครองราชย์ แผ่บุญญาธิการ เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป ทรงออกรบปราบหัวเมืองอยู่เนือง ๆ และได้แต่งตั้งพระเฑียรราชาขึ้นเป็นพระมหาอุปราชา ว่าราชการแทนพระองค์ อยู่ที่กรุงอโยธยา ส่วนพระมเหสีของพระไชยราชา คือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กับ ขุนชินราช ผู้ดูแลหอพระ เชื้อราชวงศ์อู่ทองด้วยกัน และได้สมคบคิดกัน ลอบวางยาพิษปลงพระชนม์พระไชยราชา พระยอดฟ้า พระโอรสของพระไชยราชา ที่ประสูติจาก ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้ขึ้นครองราชย์แทน ในขณะที่มีพระชนม์เพียง 10 พรรษา แต่ต่อมาไม่นาน ก็ถูกท้าวศรีสุดาจันทร์ปลงพระชนม์อีกองค์หนึ่ง แล้วสถาปนาขุนชินราชขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระวรวงศาธิราช นับตั้งแต่สิ้นรัชกาลพระไชยราชา พระเฑียรราชาก็ได้ผนวชเพื่อเลี่ยงภัย ส่วนพระสุริโยไททรงเตรียมฝึกทหาร โดยมีผู้จงรักภักดี คือ ขุนพิเรนทรเทพ, ขุนอินทรเทพ, หมื่นราชเสน่หานอกราชการ และหลวงศรียศลานตากฟั เฝ้าคุ้มกันภัยให้ ได้ร่วมกันปลงพระชนม์ขุนวรวงศา และท้าวศรีสุดาจันทร์ เสียบหัวประจานไว้ที่วัดแร้ง แล้วอัญเชิญพระเฑียรราชา ให้ลาสิกขาบทขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ระหว่างนั้นทางพม่าได้รวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น และแผ่ขยายอำนาจรุกรานไทยภายใต้พระมหากษัตริย์ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และได้เดินทัพมายังกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2091 เกิดเป็นสงครามยุทธหัตถี ที่ทุ่งมะขามหย่อง ซึ่งเป็นเหตุให้ พระสุริโยไทสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เรื่องจบลงด้วยสงครามยุทธหัตถี อันเป็นเรื่องราวความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและความตายของวีรกษัตรีย์ สุริโยไท ที่พลีชีพเพื่อรักษาอาณาจักรอยุธยา

IMDB : tt0290879

คะแนน : 7



ถ้าคิดถึงภาพยนตร์แนวพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของไทย สุริโยไท คงเป็นชื่อที่ผุดขึ้นมาทันทีแบบไม่มีข้อกังขา แม้จะเข้าฉายไปตั้งแต่ พ.ศ. 2544 แต่ภาพยนตร์ไทยสุดคลาสสิกเรื่องนี้ยังคงติดตรึงอยู่ในใจผู้ชมมากมายมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยงานสร้างที่วิจิตรอลังการ บวกกับเนื้อหาสุดแสนเข้มข้น นำพาให้ภาพยนตร์ก้าวไปสู่ความสำเร็จระดับถล่มทลายและกลายเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้งของไทยไปโดยปริยาย 

 

สุริโยไท เข้าฉายเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2544 โดยเป็นผลงานของผู้กำกับชั้นครูอย่าง หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล (ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้ง 6 ภาค) ซึ่งยังรับหน้าที่เขียนบทร่วมกับ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ นักประวัติศาสตร์ และอดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยใช้เวลาเรียบเรียงบทจากบันทึกประวัติศาสตร์จริงเป็นเวลานานถึง 2 ปี พร้อมได้ทัพนักแสดงแถวหน้าชุดใหญ่มาขึ้นจอพร้อมกันทั้ง หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี มารับบท พระสุริโยไท สมทบด้วย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, ฉัตรชัย เปล่งพานิช, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, จอนนี่ แอนโฟเน่, ใหม่ เจริญปุระ และ สินจัย เปล่งพานิช

 

ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ของพระสุริโยไท วีรสตรีคนสำคัญผู้เป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์รัชกาลที่ 15 ของอาณาจักรอยุธยา ย้อนไปใน พ.ศ. 2091 โดยเล่าเรื่องราวตั้งแต่พระมหาจักรพรรดิยังดำรงศักดิ์เป็นพระเฑียรราชา ก่อนจะขึ้นครองราชย์ต่อจากขุนวรวงศาธิราช ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ทัพพม่าใต้การปกครองของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ณ ทุ่งมะขามหย่อง ที่ซึ่งพระสุริโยไทเสียสละพระชนม์ชีพเพื่อปกป้องพระมหาจักรพรรดิ

 

สุริโยไท นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ไทย ด้วยทุนสร้างมหาศาลและใช้ระยะเวลาถ่ายทำนานถึง 3 ปี ก่อนจะกลายเป็นผลงานชิ้นเอกซึ่งถูกชื่นชมในวงกว้างถึงดีเทลงานสร้างที่ประณีต สวยงาม ทั้งฉาก สถาปัตยกรรม เครื่องแต่งกาย รวมไปถึงบทที่มีความละเอียดซับซ้อนและเข้มข้นชวนติดตาม ส่งผลให้ภาพยนตร์กวาดรายได้ไปมากถึง 550 ล้านบาท และขึ้นแท่นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในยุคนั้น