IMDB : tt0120737
คะแนน : 9
สำหรับ The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring คือจุดเริ่มต้นของตำนานหนังสุดยิ่งใหญ่อลังการ ที่คอหนังแฟนตาซีไม่มีใครไม่รู้จัก ด้วยความอมตะของนิยายที่ข้ามยุค ข้ามสมัยมาเกินครึ่งศตวรรษ แต่ยังมีผู้ติดตาม ก็เป็นเครื่องพิสูจน์และว่ากาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเรื่องราวอภินิหารแห่งแหวนเรื่องนี้ได้เลยจริงๆ ซึ่งฉบับภาพยนตร์นั้นก็เป็นการถ่ายทอดจากตัวหนังสือมาขึ้นจอได้เป็นอย่างดี ยิ่งใหญ่สมมง จนสามารถพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า นี่คือหนังไตรภาคที่ดีที่สุดในโลกภาพยนตร์ของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ สุดท้ายแล้วไม่อาจหาหนังที่จะยิ่งใหญ่มาเทียบได้ แต่เอาเป็นว่าใครชอบหนังแฟนตาซีอมตะ อย่าง The Chronicles of Narnia หรือ Harry Potter แล้ว The Lord of the Rings คือความยิ่งใหญ่กว่าเรื่องที่ว่ามาอีกหลายเท่า
กหนึ่งหนังอันเป็นที่รักของทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นแฟนนิยายหรือไม่ก็ตาม ด้วยความที่หนังสร้างดินแดน Middle-Earth ออกมาได้สุดยิ่งใหญ่อลังการ เปิดโลกใหม่ได้อย่างสวยงาม ด้วยทุนสร้างที่น่าประหลาดใจว่าไม่ถึง $100 ล้าน แต่กลับทำออกมาได้ขนาดนี้ ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นอะไรหลุดๆ ในคอสตูม หรืองานโปรดักชั่นของหนังอยู่บ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสเกลของหนังระดับนี้แล้ว จนตัวหนังเองก็สามารถถูกส่งเข้าชิงออสการ์ถึง 13 สาขา แม้ว่าจะเป็นหนังภาคแรกของไตรภาคก็ตาม แต่ก็คว้ามาได้ 4 รางวัลจากทั้งหมด ที่จะเป็นงานด้านภาพ เสียง เพลง และ CG ที่โดดเด่นกว่าใครๆ เขาจริงๆ
นอกจากในส่วนงานสร้างแล้ว ตัวหนังยังค่อนข้างซื้อตรงต่อนิยาย ที่แม้ต้นฉบับจะหนา หนังก็ทำออกมาได้ยาวตาม และถ้าใครที่อยากได้ความละเอียดยิบยิ่งขึ้นไปอีก ก็สามารถไปดูจากฉบับ Extend Version กันได้ ที่เพิ่มฉากใหม่มาจากฉบับ Theatrical Version หรือฉบับฉายโรงมาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งใครที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของหนังชุดนี้ ฉบับฉายโรงก็น่าจะเพียงพอด้วยความที่มันกระชับ ฉับไวกว่า ที่ทำให้เราสามารถติดตามหนังและเอาใจช่วยไปกับตัวละครคณะแหวนไปได้อย่างชวนลุ้น ด้วยทีมงานดาราเองที่ต่างสมบทบาทของตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเผ่าใดๆ แม้ว่าหลายๆ คนจะมองว่า โฟรโด มีความน่ารำคาญไปบ้าง แต่เมื่อนึกถึงผลกระทบที่เกิดจากแหวนแล้ว ก็พอเข้าใจเหตุผลในส่วนนี้ได้
ความสนุกของหนังคงต้องให้เครดิตไปถึงตัวต้นฉบับของผู้เขียน J.R.R. Tolkien ตั้งแต่ปี 2497 แต่เนื้อหายังคงมีความล้ำ เป็นอมตะมาจนถึงปัจจุบัน มีการคิดจักรวาลใหม่ขึ้นมาอย่างละเมียดละไม ทั้งรายละเอียดต่างๆ ที่เห็นเด่นชัด ทั้งภาษาของเผ่าต่างๆ ที่มาควบคู่กัน จนไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งพอเข้ามือผู้กำกับสายสเกลหนังใหญ่อย่าง Peter Jackson แล้ว เลยเนรมิตตัวหนังสือมาสู่ฉบับคนแสดงได้อลังการไม่แพ้กัน อีกทั้งภารกิจต่างๆ ของทีม ก็ล้วนแล้วแต่ทำออกมาได้สนุก ชวนติดตาม มีการดีไซน์ฉากแอคชั่นเท่ๆ สวยๆ มากมาย จนกลายเป็นอีกตำนานไตรภาคบนโลกภาพยนตร์ ที่จะยังคงเป็นอมตะสำหรับคอหนังไปอีก