IMDB : tt9100054
คะแนน : 5
The Lost Daughter เป็นหนัง Netflix อีกเรื่องที่อาจดูไม่มีคนสนใจมากนัก แต่ก็ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2022 อย่างสมเหตุสมผลทั้งสาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยม และสาขานำหญิงกับสมทบหญิงในบทบาทเดียวกัน
ดู The Lost Daughter แล้วชวนให้นึกถึงหนังชิงออสการ์ปีที่แล้วอย่าง Minari ที่ว่าด้วยความพร้อมและความฝันของผู้เป็นพ่อแม่ที่ขัดแย้งกันเอง หนังเรื่องนี้พูดทั้งสองประเด็นนี้ได้อย่างลึกซึ้ง ละเมียดละไม ค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ยังชูคำถามว่าความเป็นพ่อแม่ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง และสะท้อนให้เห็น ‘บทบาท’ ที่คนหนึ่งคนมีมากกว่าหนึ่งในความสัมพันธ์ เช่น เป็นได้ทั้งลูกคน พ่อแม่คน และวันนึงจะกลายเป็นปู่ย่าหรือตายาย ซึ่งหนังก็แสดงให้เห็นว่าเราได้แต่ทำให้ดีที่สุด แต่ไม่มีทางที่จะบาลานซ์คุณภาพในการสวมทุกบทบาทนี้อย่างเท่าๆ กันได้เลย
The Lost Daughter เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ Maggie Gyllenhaal ดัดแปลงจากนิยายสัญชาติอิตาลีชื่อเดียวกันของ Elena Ferrante ที่พูดประเด็นเดียวกันกับ Minari แต่เป็นฉบับที่กระโตกกระตากกว่า ให้อารมณ์ทริลเลอร์และจิตวิทยากว่า และเน้นอารมณ์กว่าด้วยมุมกล้องใกล้ๆ ติดตามตัวละครให้ชวนรู้สึกอึดอัด กระอักกระอ่วน ผ่านผู้เป็นทั้งแม่และภรรยา ที่ในไทม์ไลน์ปัจจุบันรับบทโดย Olivia Colman และแฟลชแบ็กย้อนอดีตรับบทโดย Jessie Buckley
ฝีไม้การกำกับของ Maggie Gyllenhaal ในหนังเรื่องแรกนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเล่าหนังดราม่าที่ดูเหมือนจะธรรมดาได้สนุกได้อย่างตลอดรอดฝั่งเช่นนี้
หนังว่าด้วยเรื่องของ Leda หญิงวัยกลางคนอายุ 48 ผู้เป็นศาสตราจารย์สอนวรรณกรรมเปรียบเทียบที่ไปพักผ่อนหย่อนใจที่ประเทศกรีก ได้เจอกับแม่ลูก Nina กับ Elena ที่ทำให้ตัวเองหวนนึกถึงอดีตทีละนิดทีละน้อย โดยทั้งหมดเริ่มต้นจากเหตุการณ์ ‘ลูกหาย’ ของ Nina ตามชื่อเรื่อง แต่ลูกสาวของ Nina ไม่ได้หายทั้งเรื่อง หรือหนังทั้งเรื่องไม่ได้เป็นหนังที่เกี่ยวกับตัวละครตามหาลูกตลอดเวลา
เช่นเดียวกัน Elena หายไปแค่ชั่วครู่เท่านั้น ประเด็นจึงตกไปอยู่ที่เหตุการณ์ลูกหายนี้จะนำไปสู่อะไรมากกว่า และสิ่งที่หนังนำพาเราไปชี้ให้ดู คือดู ‘การกะเทาะเปลือกออก’ ของ Leda ทีละเล็กละน้อย เผยให้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ข้างใน ที่ไม่มีใครแงะมันออกจากปากเธอได้จนกว่าเธอจะเผยมันเอง
กลายเป็นว่าพอๆ กับที่ครอบครัวมาเฟียฝั่งสามีของ Nina และ Nina ไม่รู้จัก Leda เราเองก็ไม่ได้รู้จัก Leda ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เรารู้เท่าที่ตัวละครนี้บอกให้ตัวละครอื่นรู้ หรือจะได้รู้ก็ต่อเมื่อบทสนทนาบางอย่างหรือฉากบางฉากทำให้ Leda ต้องนึกย้อนไปในช่วงที่เธอยังเป็นแม่ที่ยังสาวกับลูกสองคน และสามีหนึ่งคน ในบ้านหนึ่งหลัง