ค้นหาหนัง

The Next Karate Kid | คาราเต้ คิด 4

The Next Karate Kid | คาราเต้ คิด 4
เรื่องย่อ : The Next Karate Kid | คาราเต้ คิด 4

โนริยูกิ “แพท” โมริตะ และเจ้าของรางวัลอะคาเดมี่ อะวอร์ด ฮิลารี่ สแวงก์ ร่วมแสดงในเรื่องราวของจูลี่ สาวจอมแหวกคอกที่ฮึดสู้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆของเธอ ในที่นีก็คือครูมิยากิและพระอีกสามรูป

IMDB : tt0110657

คะแนน : 2



คาราเต้คิดภาคนี้เป็นภาคที่ผมผัดผ่อนในการดูมานานมากครับ เพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่ามันไม่สนุก จนความรู้สึกอยากดูมันไม่มีเลย ถึงขนาดว่าสมัยก่อนตอนฉายให้ดูทาง HBO ผมก็ยังไม่รู้สึกอยากดู พร้อมกับคิดไปว่ามันคงไม่เข้าท่าแบบเดียวกับ Omen IV อะไรประมาณนั้น

ครั้นพอถึงจุดหนึ่งผมก็รู้สึกว่ายังไงก็ต้องดูอยู่ดีครับ ดูให้จบครบชุดไป แม้ภาคนี้จะไม่มีตัวละครเจ้าประจำอย่างแดเนี่ยลมาร่วมจอ แต่อย่างน้อยมันก็เป็น Side Story ของคุณมิยากิ ดังนั้นก่อนดูผมเลยเตรียมใจรับความผิดหวังที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วก็คิดเสียว่าเป็นการแวะไปหาคุณมิยากิอีกสักครั้งอะไรทำนองนั้น

ผมรู้สึกเรื่อยๆ กับหนังนะ โอเคครับ ว่าตามจริงคือมันก็ไม่ได้สนุกอะไรมากหรอกครับ สู้ 3 ภาคแรกไม่ได้ (ขนาดภาค 3 ว่าสนุกน้อยแล้วนะนั่น) แต่จริงๆ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องนะครับ เพราะเนื้อเรื่องน่ะผมว่าโอเค มันเป็นไปตามสูตรสำเร็จของหนังชุดนี้ คือมีตัวเอกเป็นวัยรุ่นที่กำลังสับสน แล้วคุณมิยากิก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพื่อช่วยสอนสั่ง ซึ่งว่าตามจริงเนื้อเรื่องแบบนี้หากคุมดีๆ มันก็ยังพอจะดูเพลินได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งจะได้สาระติดหัวกลับมาอีกด้วย

แต่การเดินเรื่องมันธรรมดาครับ เรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่มีจุดดึงดูด ไม่มีปมให้ติดตาม ตัวละครนอกจากคุณมิยากิแล้วก็ไม่ได้น่าสนใจนัก แม้ว่าแต่ละคนจะเล่นได้โอเคก็เถอะครับ แต่มันออกจะเป็นการแสดงตามสูตรเพราะตัวละครถูกเซ็ตมาให้เป็นแบบนี้ อย่างจูลี่ก็สับสนไปเรื่อยๆ รอให้คุณมิยากิมาสอนเพื่อจะได้เลิกสับสน (ซึ่งบทจะเลิกสับสนก็เลิกสับสนแบบตามจังหวะของสูตรสำเร็จเป๊ะ)

หรือตัวละครอย่างดูแกน (Michael Ironside) ก็ถูกเซ็ตขึ้นมาเพื่อให้หนังมีตัวร้ายไว้ต่อยตีกับคุณมิยากิในตอนท้าย แต่ถ้ามาคิดๆ ดูแล้ว ดูแกนนี่ก็ดูร้ายเว่อร์จนนึกไม่ออกเลยว่าใครที่ไหนจ้างแกมาเป็นคนดูแลนักเรียนฟะเนี่ย คือถ้าเป็นโรงเรียนทหารก็ว่าไปอย่างครับ แต่นี่มันโรงเรียนไฮสคูลธรรมดา เด็กในโรงเรียนก็ไม่ได้แสบอะไรขนาดนั้น แต่ทำไมถึงจ้างคนโหดๆ มาคุมโรงเรียนก็ไม่รู้ อันนี้พอนึกๆ มันก็ดูอ่อนเหตุผลเหมือนกัน (เหมือนใส่ลงมาตามสูตรของบทน่ะครับ แต่ไม่ได้เขียนเหตุผลรองรับให้มันน่าเชื่อถือสักเท่าไร)

แล้วก็จะมีตัวละครที่คล้ายๆ จะเป็นพระเอกให้จูลี่รู้สึกรับชอบพอ นั่นคือ อีริค (Chris Conrad) แต่ตัวละครนี้ดูไปก็ขัดไป เพราะคาแรคเตอร์เขาเหมือนจะเป็นคนดีแบบบ้านๆ ง่ายๆ ไม่ชอบต่อยตีกับใคร คือถ้าดูจากคาแรคเตอร์แล้วรูปร่างหน้าตาของอีริคน่าจะคล้ายๆ กับแดเนี่ยลซังนะ คือรูปร่างจะผอมแต่ไม่ล่ำอะไรมาก แต่ในเรื่องเขาคัดคนที่ล่ำๆ บึ้กๆ เหมือนพวกนักกีฬามาแสดง แล้วตอนท้ายยังมีการให้ตัวละครนี้โดนคนอื่นๆ รุมจนจูลี่ต้องไปช่วยด้วย มันก็ยิ่งขัดเข้าไปอีกที่เห็นคนล่ำๆ บึ้กๆ โดนยำแบบที่ตัวเองต่อสู้โต้กลับอะไรไม่ได้เลย (ทั้งที่เอาเข้าจริงๆ อีริคต้องเป็นวิชาป้องกันตัวบ้าง เพราะเขาก็เคยเป็นคนของดูแกนมาก่อน ยังไงดูแกนก็ต้องฝึกเขาบ้างไม่มากก็น้อย)

ระหว่างดูหนังเรื่องนี้นี่ผมนึกถึงคำที่ครูฝึก รด. ชอบใช้บ่อยๆ ขึ้นมาเลยครับ คำว่า “ผิดจุด” น่ะ เพราะหนังผิดจุดในหลายจุดจริงๆ แต่ถ้าดูแบบไม่คิดมากมันก็ยังพอไหวน่ะครับ คิดว่ากำลังดูหนังตามสูตรสำเร็จสักเรื่องมันก็ยังได้เรื่อยๆ เพียงแต่มันยังดีได้อีกในหลายๆ ส่วน และกลมกล่อมได้อีกในหลายๆ จุด

ส่วนที่ผมรู้สึกโอเคที่สุดคือการแสดงของ Pat Morita ที่ยังคงเป็นคุณมิยากิได้อย่างยอดเยี่ยม เขาดูเป็นคนชราใจดีที่มีปรัชญามากมายพร้อมจะถ่ายทอดให้กับคนหนุ่มคนสาว และที่สำคัญคือการวางตัวของเขานั้นถุือว่าเหมาะสมครับ เพราะครั้งนี้คนที่เขาต้องสอนคือวัยรุ่นหญิงสาว ซึ่งการวางตัวและการเว้นระยะห่างนั้นต้องพอเหมาะ ไม่งั้นมันอาจดูไม่งาม และคุณมิยากิก็วางตัวได้ดีมากจนผมรู้สึกชื่นชมนะที่อย่างน้อยในจุดนี้หนังก็ทำออกมาได้กำลังสวย

แต่กระนั้นการสอนของคุณมิยากิก็ถูกลดปริมาณไปพอสมควรเพราะหนังมีการเกลี่ยบทให้จูลี่ไปเข้าวัดญี่ปุ่นเพื่อเรียนวิชาชีวิตจากในวัด ซึ่งนั่นก็ทำให้บทบาทของคุณมิยากิถูกลดทอนลงไปโดยปริยาย ซึ่งอันนี้ก็ขอพูดในฐานะคนที่ชอบหนังชุดนี้น่ะนะครับ ผมว่าคนที่อยากดูหนังชุดนี้ก็เพราะอยากดูคุณมิยากิสอนวิชาชีวิตนั่นแหละ ไม่ได้อยากดูคนอื่นมาสอนหรอก

นักแสดงคนอื่นๆ ก็อย่างที่บอกครับว่าแสดงได้โอเค แต่มันรู้สึกว่าเป็นการแสดงตามบทน่ะ อย่าง Swank ก็สับสนตามบท Ironside ก็ร้ายตามบท หรือพวกเด็กๆ ของดูแกนก็ร้ายตามบท ครั้นพอบทกำหนดให้เลิกร้ายก็พร้อมใจกันเลิกร้ายซะงั้น มันตามบทจริงๆ น่ะครับ ซึ่งมันต่างจาก The Karate Kid 3 ภาคก่อนที่ดูแล้วเรารู้สึกว่าตัวละครหลักมีเลือดมีเนื้อ ดูเป็นคนจริงๆ ที่สัมผัสได้ และเราก็อดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยพวกเขา หรืออย่างผมเนี่ยถึงขั้นมองว่าพวกเขาเป็นเพื่อนบ้านไปโน่นเลยครับ คือกลายเป็นว่าเราผูกพันและรู้สึกว่าพวกเขามีตัวตน ในขณะที่ภาคนี้มันรู้สึกว่าพวกเขาเล่นไปตามบทมากกว่า

คิดไปคิดมา… นี่ผมคิดแบบขำๆ นะ จู่ๆ ผมก็คิดขึ้นมาว่าถ้านี่เป็นตอนหนึ่งของ The Twilight Zone นี่ได้เลยนะครับ ประมาณว่าคุณมิยากิเดินทางมายังเมืองๆ หนึ่ง และเมืองๆ นั้นถูกเซ็ตขึ้นโดยพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างว่าจะต้องมีเด็กวัยรุ่นที่สับสน จะต้องมีตัวร้ายที่ร้ายแบบไร้เหตุผล เพื่อดึงคุณมิยากิให้ติดอยู่ในเมืองนั้นให้นานที่สุด แล้วแดเนี่ยลก็ต้องตามมาช่วยอะไรประมาณนี้ (555 คิดไปได้) มันดูเป็นสูตรมากจนอดคิดไม่ได้จริงๆ น่ะครับ

หนังกำกับโดย Christopher Cain แห่ง Young Guns แล้วก็ทำหนังอีกพอสมควร ผลงานของเขาก็มีทั้งที่ดีและธรรมดาเรื่อยไปจนถึงไม่สนุกครับ ซึ่งผมชอบ Young Guns นะ แต่สำหรับ The Next Karate Kid แล้วก็ต้องบอกว่าอยู่ในข่ายธรรมดาค่อนไปทางไม่สนุกเท่าที่ควร เหมือนเขาทำหนังเรื่องนี้ตามสูตรแบบค่อนข้างเป๊ะ แต่ลืมหยอดลูกเล่น ลืมการวางปม ลืมเล่าเรื่องให้คนดูอิน และลืมใส่ความสนุกลงไปน่ะครับ จนหนังออกมาเรียบเกิน

ครับ โดยรวมแล้วผมเฉยกับหนังครับ แต่ก็ไม่ถึงกับผิดหวังเพราะไม่ได้คาดหวัง หรืออัันที่จริงต้องบอกว่าผมคิดไปแล้วว่ามันคงไม่สนุก พอผลออกมาตามนี้มันก็เลยไม่ผิดหวังอะไร สำหรับผมก็ถือว่าเป็นการมานั่งดูเรื่องราวของคุณมิยากิให้ครบถ้วน

แต่ผมก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกชอบนะครับ นั่นคือดนตรีครับ ภาคนี้ได้ Bill Conti คอมโพเซอร์เจ้าเก่าจาก 3 ภาคแรกมาทำดนตรีให้เหมือนเดิม และผมพูดได้เต็มปากว่าดนตรีคือหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้ครับ เพราะ Conti ตีโจทย์แตก เขาสามารถเอาธีมเดิมของคาราเต้คิดมา แล้วผสมผสานท่วงทำนองที่สื่อถึงความเป็นผู้หญิงลงไปได้แบบพอเหมาะที่อย่างยิ่ง พูดง่ายๆ คือดนตรีเพราะมากครับ มันคือธีมเดิมที่เสริมความพลิ้วไหวลงไป เป็นความแข็งแกร่งที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์สับสนของหญิงสาวคนหนึ่ง ได้อารมณ์มากๆ จริงๆ

แล้วบวกกับเพลง You Gotta Be ของ Des’ree ที่ใช้ในตอน End Credits ซึ่งบอกได้เลยครับว่าเพลงนี้เหมาะสำหรับ End Credits ของหนังเรื่องนี้เป็นที่สุด

สรุปว่าภาคนี้ไม่เวิร์กครับ แต่หากคุณเป็นแฟนหนังชุดนี้ผมก็อยากให้ดูกันนะ ดูเรื่องราวของคุณมิยากิให้ครบ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรในเรื่องนี้คุณมิยากิก็ยังคงน่ารักดังเดิม จริงๆ สำหรับผมแล้วแค่ได้เจอคุณมิยากิก็ดีใจแล้วล่ะครับ

ผมแอบคิดนะ ว่าถ้าจูลี่ได้เจอกับแดเนี่ยลสักครั้งใน Cobra Kai ก็คงจะน่าจดจำไม่น้อยทีเดียว