The Passion of the Christ

นี่คือภาพยนต์ที่สร้างมาจากชีวิประวัติของพระเยซู ผู้ซึ่งเป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ บุตรแห่งพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด (ตามคำเรียกของคริสต์ศาสนิกชนที่นับถือพระองค์) โดย The Passion of the Christ นั้น จะถ่ายทอดช่วงเวลา 12 ชั่วโมงสุดท้ายของพระองค์ก่อนที่จะถูกจับตรึงบนไม้กางเขน ตัวหนังเปิดฉากมาที่ภาพบรรยากาศของอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู ก่อนที่พระองค์จะถูก ยูดาส ลูกศิษย์คนสำคัญทรยศและขายพระองค์ให้กับศาสนจักรเพื่อแลกกับเหรียญทองเพียง 30 เหรียญ พระองค์ถูกจับได้และถูกบีบบังคับทรมานให้รับสารภาพว่าเป็นปฏิปักษ์ของพระเจ้า จากนั้นก็ถูกส่งตัวไปให้ผู้ว่าการเพื่อรับโทษประหารชีวิต (ในสมัยก่อนการประหารชีวิตถือว่ามีความผิดและจำเป็นต้องได้รับการอนุญาติเสียก่อน) แต่ผู้ว่ามองดูพระองค์แล้วรู้สึกว่าชายคนนี้ไม่เหมือนคนสามัญชนธรรมดาทั่วไปและการประหารชีวิตของเขานั้นถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง แต่ด้วยฝูงชนจำนวนมากมายขนาดนี้ผู้ว่าเกรงว่าอาจจะทำให้เกิดจราจลขึ้นได้ เขาจึงตัดสินให้เฆี่ยนตีพระองค์แทนการรับโทษประหารชีวิต พระเยซูถูกนำตัวไปยังลานกว้างเพื่อรับโทษเฆี่ยนตีต่อหน้าสาธารณชนนับร้อยที่เฝ้ามองดูอยากเห็นพระองค์ทรงเจ็บปวด บางคนก็ถ่มน้ำลายรดพระองค์ บ้างก็ต่อว่าด่าถึงบุพการี พระเยซูถูกเฆี่ยนด้วยหวายจนเนื้อแตกเลือดแดงฉานไหลรินอาบไปทั่วทั้งร่าง แต่พระองค์ก็ยังลุกขึ้นยืนขึ้นมาเรื่อยๆไม่ยอมฟุบลงกับพื้น หัวหน้าทหารจึงสั่งให้เปลี่ยนจากหวายเป็นแส้ที่ปลายติดด้วยใบมีด พระองค์ถูกกระหน่ำตีไม่ยอมหยุดจนเนื้อฉีกขาดและเลือดสาดกระจายจนเต็มลาน (แค่ฉากนี้ฉากเดียวทำให้ตัวหนังถูกแบนไปแล้วมากมายหลายประเทศทั่วโลก) ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเหล่าทหารและฝูงชนที่ดูถูกเหยียดหยามพระองค์ ว่านี่หรือคือกษัตริย์ของคนยิว บุตรแห่งพระเจ้า แล้วใยเล่าไม่ยอมช่วยตัวเองก่อน...หลังจากรับโทษเฆี่ยนตีจนเกือบตายแต่มหาปุโรหิตทั้งหลายของศาสนจักรก็ยังไม่พอใจ เขาต้องการให้พระเยซูได้รับโทษตายสถานเดียวเท่านั้น พวกเขาจึงปลุกฮือผู้คนขึ้นอีกครั้งนึง ซึ่งครั้งนี้ผู้ว่าเองก็ไม่อาจจะปฎิเสธได้และถึงแม้เขาจะพยายามยื่นขอเสนอให้ฝูงชนเลือกว่าจะไว้ชีวิตใคร ระหว่างฆาตกรต่อเนื่องฆ่าข่มขืนกับพระเยซู แต่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "จึงปล่อยตัวฆาตกรซะ แล้วเอาเยซูไปตรึงกางเขน" สิ้นเสียงพูดนี้พระเยซูถูกนำตัวไปแบกไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระองค์และให้ออกเดินตามทางไปยังลานประหาร ระหว่างทางก็ถูกทหารเฆี่ยนตีให้เร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อย และถึงแม้พระองค์กำลังถูกทหารตอกตะปูยึดร่างไว้กับไม้กางเขน ปากของพระองค์นั้นก็พูดเพียงแต่คำว่า "ข้าแด่พระองค์ อภัยให้ผู้คนพวกนี้ด้วยเถิด พวกเขาไม่รู้" หลังจากถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนเพียงไม่กี่วันพระเยซูก็สิ้นพระชนม์ (เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่าเป็นการไถ่บาปให้มวลมนุษย์) หลังจากนั้น 3 วันพระองค์ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งและกลายเป็นศาสดาของศาสนาคริสต์มาจวบจนทุกวันนี้

ตัวหนังดัดแปลงมาจาก The Passion ซึ่งเรียบเรียงมาจากพระคัมภีร์ 4 เล่มของ แมทธิว มาร์ค ลุค ที่บรรยายถึงช่วงเวลา 12 ชั่วโมงสุดท้ายของพระเยซูก่อนสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนชีพ ซึ่งนี่จัดว่าเป็นหนังที่เกี่ยวกับชีวประวัติของพระเยซูที่โหดที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ตัวหนังถูกสั่งห้ามเข้าฉายโดยเด็ดขาดในหลายประเทศ (ประเทศไทยเราก็น่าจะด้วย) ด้วยเนื้อเรื่องหลักที่ขายความโหดร้ายรุนแรงและสลดหดหู่ที่เกิดขึ้นกับพระองค์มากว่าจะดูแล้วรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ถึงกระนั้นแล้วหลังจากที่ตัวหนังเข้าฉายในอเมริกา กลับสร้างรายได้อย่างถล่มทลายและสร้างปรากฏการณ์เป็นหนังชีวประวัติของพระเยซูเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่ขึ้นอันดับ 1 Box Office

The Passion ในภาษาลาตินแปลว่า "ความทรมาน" ซึ่งก็สมชื่อของหนังมันอยู่แล้วครับ เพราะในเรื่องเราจะได้เห็นความทุกทรมานของพระองค์และการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่เพื่อมวลมนุษย์ เป็นการไถ่บาปให้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนที่เคยทำร้ายพระองค์อย่างรุนแรงก็ตาม ฉากการทรมานพระเยซูนั้นจัดว่าโหดยิ่งกว่าหนังสยองขวัญเรต18+เรื่องใดๆที่เราเคยดูกันมา อีกทั้งตัวหนังยังจัดอยู่ในหมวดเรท R ที่ไม่เหมาะกับผู้ชมทุกคนอีกตะหาก ก็เรียกได้ว่าโหดจริงอะไรจริงกันเลยทีเดียวครับ

เชื่อผมเถอะครับว่าถ้าภาพยนต์เรื่องนี้ไม่ดีจริง ไม่โหดจริงหรือไม่ได้หาดูยาก แอดมินอ้วนน้อยไม่มีทางเอามารีวิวให้พวกเราดูอย่างแน่นอน ด้วยเนื้อหาที่จัดว่าเข้มข้นและหนักรุนแรง บวกกับฉากการทรมานของพระเยซูนั้น หลายๆคนถึงกับพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า "ดูรุนแรงมากเกินไป" อีกทั้งเราเองยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวประวัติของพระองค์อีกด้วย ชายที่ได้ชื่อว่าบุตรแห่งพระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นศาสดาของศาสนาคริสต์และถึงแม้เราจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ก็ตาม ก็ไม่ยากเลยที่เราดูภาพยนต์เรื่องนี้ให้เข้าใจ