ค้นหาหนัง

The Pianist

The Pianist
เรื่องย่อ : The Pianist

นักเปียโน วลาดิสลอว์ ซพิลแมน (เอเดรียน โบรดี้) มีงานเล่นเพลงที่สถานีวิทยุ ในกรุงวอร์ซอว์ตามปกติ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่พวกทหารนาซี จะบุกเข้ามาโปแลนด์หลายสัปดาห์แล้ว เขาต้องเดินข้ามศพคน และซากม้าตายจำนวนมาก กว่าจะไปถึงสถานีวิทยุ จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเล่นเพลงของโชแปงอยู่นั้น ห่าระเบิดของฝ่ายศัตรู ก็ถล่มลงมาในเมืองเสียหายยับเยิน หลายวันต่อมา วอร์ซอว์ตกเป็นของนาซี แม้ว่าจะรู้ดี ถึงสิ่งที่จะเกิดตามมาภายหลังจากนี้ แต่เขาก็ยังเชื่อว่า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย เมื่ออังกฤษกับฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมัน

IMDB : tt0253474

คะแนน : 10



สำหรับ The Pianist เหมาะกับคนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ และเรียนรู้ความโหดร้ายจากสงครามแล้ว หนังเรื่องนี้คือตำราชั้นดี ที่พาคนดูให้ได้เห็นถึงภาพความรุนแรง ที่ชวนหดหู่ สิ้นหวัง จนพาเอาจิตตกไปกันได้ง่าย ซึ่งถ้าใครที่ไม่อยากมาดำดิ่งกับความรู้สึกเหล่านี้ ก็แนะนำให้ข้ามหนังเรื่องนี้ไปกันได้เลย เพราะหนังถ่ายทอดออกมาได้สมจริง และน่าเศร้าเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคนที่ใจแข็งพร้อมลุย และผ่านหนังผลพวงจากสงครามอันโหดร้ายอย่าง Schindler’s List, The Boy in the Striped Pajamas มาก่อนหน้านี้แล้ว The Pianist ก็คือการยกระดับความหดหู่ไปอีกขั้นกว่า 2 เรื่องที่แนะนำกัน

อีกหนึ่งภาพยนตร์จากเรื่องจริงของ Wladyslaw Szpilman ที่สะท้อนความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ชาวยิวต้องเผชิญกับสถานการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อันแสนโหดเหี้ยม ผ่านการกำกับของ Roman Polanski ผู้กำกับสายหนังคุณภาพอีกคน ที่เป็นชาวโปแลนด์เหมือนกัน ซึ่งในเรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นหนังที่เกี่ยวกับสงคราม และมีฉากหลังเป็นสงคราม แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับเป็นหนังที่เล่าถึงผลพวงจากสงครามที่ส่งผลกระทบต่อคนๆ หนึ่ง หรือผลกระทบต่อคนกลุ่มหนึ่งต่างหาก ด้วยการเล่าเรื่องราวที่เกาะไปกับตัวละครเอกตั้งแต่เริ่มเรื่องที่มีชีวิตปกติสุข ไปสู่สถานการณ์ที่ค่อยๆ เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นชวนหดหู่ไปกับเรื่องราว

ในเฉพาะในช่วงกลางๆ ไปจนถึงท้ายๆ เรื่องนั้น มีหลายเหตุการณ์ในหนังมากที่ทำเอาคุณดูต้องจุกจนน้ำตาไหล ไม่เพียงแค่เฉพาะชะตากรรมอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงชาวยิวรอบๆ ข้างที่หนังทำให้เห็นว่าชีวิตพวกเขาก็พินาศไม่แพ้กัน เพียงเพราะเขาเกิดมาเป็นชาวยิวเท่านั้น หนังเต็มไปด้วยเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ชวนบีบหัวใจมากมาย และเส้นทางของชีวิตชาวยิวในเรื่องก็ดูช่างไร้ความหวัง และหนทางในการที่จะกลับไปมีชีวิตปกติ ซึ่งการเล่าเรื่องของชาวยิวที่แอบลักลอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ก็เป็นมุมที่เราไม่ค่อยเห็นนักในหนังสงครามประเภทนี้ เพราะส่วนมากเราจะเห็นการไปลงเอยของพวกเขา ที่ค่ายกักกันเสียมากกว่า

ซึ่ง Roman Polanski ก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้มาอย่างเต็มเหนี่ยวไร้ซึ่งการประนีประนอม แต่ท่ามกลางภาพความรุนแรงทั้งหลาย แต่ฉากที่เจ็บปวดใจที่สุดกลับเป็นฉากที่ตัวละครเอกอย่าง Szpilman นั้น อยากจะเล่นเปียโนที่อยู่ต่อหน้า แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะกลัวว่าเสียงจะดังไปถึงหูทหารเยอรมัน ทั้งๆ ที่ดนตรีคือภาษาสากลที่ไม่ทำร้ายใคร แต่หากเขาเลือกเล่นไปมันอาจทำให้เขาเสียชีวิตได้ มันจึงเป็นสิ่งสะท้อนได้เลยว่าภายใต้การปกครองของพวกนาซีนั้น แม้แต่กิจกรรม หรือสิทธิพื้นฐานที่ไม่สามารถทำได้ ก็เรื่องที่่ชวนหดหู่ใจเสียเหลือเกิน นับเป็นอีกหนังผลพวงจากสงครามที่ถ่ายทอดความโหดร้ายได้เป็นอย่างมากจนคุณอาจจะไม่มีวันลืมมันไปได้เลย​​​​