IMDB : tt0076752
คะแนน : 8
สำหรับเนื้อหาในภาค 10 นี้ Broccoli หมายมั่นให้บอนด์กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เนื้อเรื่องก็เน้นอลังการ ลงทุนสูง ฉากแอ็กชันสมจริง บทก็ไม่ให้โหวงเกินไป (เพราะได้บทเรียนจากภาคก่อน) อารมณ์ขันหรือความเว่อร์ต่างๆ ก็จัดให้อยู่ในระดับพอดี กลมกลืนกับตัวหนัง ซึ่งก็ได้ Richard Maibaum มือเขียนบทขาประจำของหนังชุดนี้มาสร้างบทร่างฉบับแรก ก่อนที่ Gilbert จะไปตามเอา Christopher Wood มาช่วยปรับบทให้ลงตัวตามที่เขาต้องการ
ซึ่งบทหนังภาคนี้ก็ต้องคิดกันใหม่ทั้งหมดครับ ไม่ได้เอาอะไรจากนิยายมาใช้เลยนอกจากชื่อ ส่วนหนึ่งก็เพราะฉบับนิยายนั้นไม่สามารถเอามาแปลงเป็นบทได้ง่ายๆ เนื่องจาก Ian Fleming ได้เขียน The Spy Who Love Me ออกมาในแบบ “นิยายทดลอง” ซึ่งผลของการทดลองนั้นก็ออกมาไม่สวยนัก เพราะแฟนนิยายส่วนใหญ่ไม่ชอบ จนทำให้หลายคนยกนิยายเล่มนี้ให้เป็นนิยายบอนด์ตอนที่น่าผิดหวังที่สุดไป
ทีนี้พอต้องสร้างบทใหม่ Broccoli เลยจัดเต็มอย่างที่บอกไปแล้ว (ยกเว้นตัวร้ายฟันเหล็กที่ชื่อ จอว์ส ที่มีเค้าโครงมาจากตัวละครหนึ่งในนิยาย) และไฮไลท์สำคัญเพื่อดึงแฟนหนังบอนด์รุ่นเก่ามาตีตั๋วดูคือ การนำศัตรูคู่แค้นของบอนด์อย่าง เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ ให้กลับมาทำลายโลกอีกครั้ง ข่าวนี้สร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆ อย่างยิ่งทีเดียวล่ะครับ
แต่หารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นการนำปัญหาใหม่มาสู่ตัว เพราะเมื่อ Kevin McClory ได้ข่าวนี้เข้า เขาก็ประกาศทันทีว่า จะเอาโบลเฟลด์ไปใช้น่ะ ถามเขาหรือยัง!
คนที่อ่านตำนานหนังบอนด์ที่ผมร่ายมาตลอดจะจำได้ว่า McClory คือผู้ถือสิทธิ์ร่วมกับ Ian Fleming ในส่วนของตัวละครโบลเฟลด์และองค์กร SPECTRE ทั้งหมด เขาจึงมีสิทธิ์ขาดที่จะอนุญาตให้ใช้ตัวละครเหล่านี้หรือไม่ก็ได้ และเนื่องจาก McClory เองก็วางแผนจะทำหนังบอนด์ของตัวเองออกมา เลยกันท่าไม่ให้ Broccoli เอาองค์กร SPECTRE มาใช้ พอเจอแบบนี้ Broccoli เลยต้องถอยทัพเปลี่ยนแผนใหม่ ไม่ใช้ก็ไม่ใช้ แต่ยังคงโครงเรื่องเดิมไว้ แต่เปลี่ยนตัวร้ายเป็นชื่ออื่นนามสกุลอื่น
สำหรับเรื่องราวในภาคนี้บอนด์ (Roger Moore) ต้องปะทะคาร์ล สตอร์มเบิร์ก (Curt Jurgens) เศรษฐีมหาอำนาจที่หลงใหลในมหาสมุทรและโลกใต้น้ำ นายคนนี้มีแผนการจะระเบิดแผ่นดินทั้งหลายให้จมทะเล เพื่อที่ตนจะได้สร้างอาณาจักรใต้ทะเลขึ้นมา ก็ลองว่านายคนนี้มีแผนไม่หวังดีต่อมนุษยชาติ บอนด์ก็พร้อมจัดการวายร้ายรายนี้
แต่ครั้งนี้บอนด์ไม่ได้ลุยเดี่ยว เพราะเขาต้องจับมือกับสายลับทริปเปิ้ลเอ็กซ์ (Barbara Bach) KGB สาวสวยจากโซเวียตที่ถูกส่งมาร่วมมือเพื่อจับนายสตอร์มเบิร์กถ่วงน้ำให้จงได้
Broccoli ทุ่มทุนอย่างมากครับ ลงไป $13 ล้าน มากกว่าภาคก่อนเกือบสองเท่า เพื่อเนรมิตฉากใหญ่ๆ อย่างยานเรือแอตแลนติสของสตอร์มเบิร์กช่วงไคลแม็กซ์ ไหนจะตอนประจัญบานระหว่างฝ่ายทหารกับผู้ร้ายอีก เฉพาะฉากนั้นก็ทุ่มเป็นล้านแล้วครับ แต่ผลออกมาก็คุ้มมากๆ คนดูที่ไม่ชอบภาคก่อน หันมาอ้าแขนรับภาคนี้แบบเต็มที่ ใครชอบอยู่แล้วยิ่งชอบหนัก เพราะมันส์สนุกถึงใจ แอ็กชันต่อเนื่องไม่มีเบื่อ อาวุธพิเศษก็เยอะ สาวบอนด์อย่างทริปเปิ้ลเอ็กซ์ก็สวย เซ็กซี่ และไม่ใช่แค่สาวที่ตามบอนด์ต้อยๆ อีกต่อไป ในหลายฉากเธอยังตอกบอนด์ซะหน้าหงายด้วยซ้ำ
ตัวร้ายรายใหญ่อย่างสตอร์มเบิร์กก็โหดเหี้ยมมีระดับ แต่ไปๆ มาๆ คนที่ได้ใจผู้ชมไปเต็มๆ คือ จอว์ส (Richard Kiel) นักฆ่าฟันเหล็กที่ทำงานให้สตอร์มเบิร์ก พี่คนนี้มีทั้งความน่ากลัว ทรงพลัง และน่ารักในเวลาเดียวกัน แม้จะร้ายและโหด แต่เชื่อเถอะครับว่าคุณเกลียดเขาไม่ลงแน่ๆ ถือเป็นสีสันชั้นดีให้หนัง และ Kiel ก็แจ้งเกิดไปเต็มๆ กับบทนี้นี่แหละ
เพลง Nobody Does it Better ที่ใช้เป็นเพลงประจำตอนก็ไพเราะสุดยอด ได้ชิงออสการ์และได้รับการโหวตจากแฟนหนังบอนด์ว่า นี่คือเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะพริ้งพริ้วไหวที่สุด ไม่เชื่อลองหาฟังดูครับ เพราะสุดยอดจริงๆ ตามด้วยโลเกชั่นเยี่ยมๆ อย่างพีรามิดที่อียิปต์และฉากใต้น้ำที่แสนงดงามในบาฮามาส์
แต่เรื่องที่ทำให้ผู้สร้างยิ้มแฉ่งหนีไม่พ้นเรื่องเงินครับ The Spy Who Loved Me ได้ทุบสถิติหนังบอนด์ ทำเงินทั่วโลกสูงถึง $185.4 ล้าน กำไรสำราญอุรา ทำให้การสร้างภาคถัดไปประกาศทันทีว่าจะเป็นตอน For Your Eyes Only