IMDB : tt0143145
คะแนน : 7
ภารกิจของบอนด์ในคราวนี้ก็คือ ปกป้องอีเลคตร้า คิง (Sophie Marceau) ทายาทมหาเศรษฐีน้ำมัน หลังจากที่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตพ่อของเธอได้ ส่วนศัตรูตัวฉกาจที่จ้องจะทำร้ายคิงกับบอนด์ก็คือ เรย์นาร์ด (Robert Carlyle) ผู้ก่อการร้ายที่เส้นประสาทถูกทำลายเนื่องจากกระสุนฝังในหัว ทำให้เขาไร้ความรู้สึกใดๆ ไม่ว่าจะความเจ็บปวดและความรู้สึกกายสัมผัสอื่่นๆ โดยเรย์นาร์ดมีแผนว่าใช้ระเบิดนิวเคลียร์สร้างความหายนะครั้งใหญ่ แต่ทว่ามันยังมีแผนที่ซับซ้อนกว่านั้น ซึ่งบอนด์ก็ต้องตามไขปริศนาให้ทันก่อนจะสายเกินไป
บอนด์ภาคนี้ยังคงกระหน่ำแอ็กชันโดยเฉพาะฉากเปิดเรื่องที่ถือว่ายาวที่สุดในบรรดาหนังบอนด์ทั้งหมด แต่หากเฉลี่ยออกมาแล้วแอ็กชันก็อาจจะไม่มากหรือไม่ยิ่งใหญ่น่าสนใจเท่าสองตอนก่อนครับ เหตุผลหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็อย่างที่เกริ่นไปแต่แรกครับ ว่าทีมงานหมายมั่นให้บอนด์ภาคนี้หันมาเน้นเรื่องเชิงดราม่าและมิติตัวละคร ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ระหว่างบอนด์กับอีเลคตร้าที่เหมือนว่าบอนด์เองจะรู้สึกดีต่อเธอมากขึ้นๆ, ความสัมพันธ์ของบอนด์กับ M (Judi Dench) เจ้านายที่คอยช่วยและเชื่อมั่นในตัวบอนด์มาเสมอ แม้เธอจะเบื่อในความเป็นเสือผู้หญิงของเขาหน่อยๆ ก็ตาม
อีกทั้งความสัมพันธ์ของบอนด์กับ วาเลนติน ซูคอฟสกี้ (Robbie Coltrane) เจ้าพ่อรัสเซียอดีต KGB ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในบอนด์ตอน Goldeneye ซึ่งแม้ซูคอฟสกี้จะแค้นบอนด์อยู่ลึกๆ ที่ทำให้ขาเขาเดี้ยง แต่ในใจก็ยังมีความนับถือซึ่งกันและกันอยู่ (อันนำมาสู่ฉากหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยในตอนท้าย)
ไหนจะการใส่ฉากที่ถือว่าหาได้ยากในหนังชุดนี้ คือฉากที่บอนด์กับ Q (Desmond Llewelyn) นักประดิษฐ์ที่สร้างเครื่องมือให้บอนด์มาเกือบทุกภาค ปกติเราจะได้เห็นแต่ตอนที่ Q บ่นบอนด์ว่าให้โตสักทีอะไรทำนองนั้นใช่ไหมครับ แต่กับภาคนี้เราจะได้เห็น Q สอนย้ำเทคนิคสำคัญ 2 ข้อของสายลับให้บอนด์ฟัง ซึ่งบอนด์ก็ฟังอย่างตั้งใจ เป็นฉากที่กินเวลาไม่กี่นาทีแต่มีความหมายทางความรู้สึกสำหรับแฟนของหนังบอนด์หลายๆ คน (รวมถึงผมด้วย)
และที่ทำให้ฉากนี้สำคัญเข้าไปใหญ่ก็เพราะนี่คือบอนด์ตอนสุดท้ายของ Llewelyn ในบท Q ซึ่งจริงๆ ท่านตั้งใจจะมาแสดงบอนด์ตอนที่ 20 ต่อนะครับ ไม่ได้คิดจะเกษียณเลย แต่ท่านก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปี 1999 ทำให้ฉากที่ว่านั้นคือการปรากฏตัวครั้งสุดท้าย ของ Q เจ้าเดิมที่อยู่คู่หนังบอนด์มากกว่า 35 ปี
ก็ขอน้อมส่ง Desmond Llewelyn สู่สุขคติด้วยนะครับ เขาคือบทที่เพิ่มสีสันและความสนุกให้หนังบอนด์ได้อย่างน่าปรบมือจริงๆ
ครับ ภาคนี้เลยจัดว่าออกจะเน้นดราม่า นอกจากที่ผมกล่าวไปแล้วนั้น ช่วงท้ายยังมีเหตุการณ์ทำให้บอนด์ต้องตัดสินใจระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว ซึ่งก็เพิ่มดีกรีความเข้มข้นให้เรื่องราวได้อีก ไหนจะเป็นการเน้นย้ำกลิ่นอายดราม่าที่แทรกลงไปในหนังด้วย
ผมค่อนข้างชอบบอนด์ภาคนี้ครับ เพราะมันมีอะไรดีๆ ครบสมฐานะหนังบอนด์ ไม่ว่าจะฉากแอ็กชันที่มีเป็นระยะ (แต่ไม่มาก) ตามด้วยเรื่องราวเชิงดราม่า โดยเฉพาะฉากสำคัญตอนท้ายเมื่อ M เห็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดของบอนด์ต่อหน้าต่อตา อันทำให้เธอรู้สึกนับถือและเข้าใจตัวตนของลูกน้องมากขึ้นอีกขั้น นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาซับซ้อนพลิกไปพลิกมา สร้างความน่าติดตามให้หนังได้พอตัว
โดยรวมบอนด์ภาคนี้ก็ออกมาสนุกลงตัวทั้งในแง่ความบันเทิงและคุณภาพ แต่อาจไม่ฉับไวนัก และจุดด้อยอีกอย่างคือสาวบอนด์ประจำตอน ซึ่งเธอก็คือ ดร.คริสต์มาส โจนส์ ที่ได้น้องหนูทรงโต Denise Richards มาแสดง อันนี้ยอมรับว่าขัดใจเล็กๆ ที่เธอเล่นยังไงก็ดูไม่เหมาะกับบทผู้เชี่ยวชาญอาวุธนิวเคลียร์ แต่ดูเหมือนนักศึกษาจบใหม่มากกว่า… แต่ถ้าว่ากันถึงความสวยน่ารัก เธอก็สอบผ่านหายห่วงล่ะครับ
รายได้ก็ไม่เลวครับ จากทั่วโลกทำไป $361 ล้าน ถ้าว่ากันโดยทั่วไปแล้วบอนด์ภาคนี้ก็ไม่ทำให้คนดูต้องผิดหวัง แต่ก็ยอมรับครับว่าหลายคนก็รู้สึกธรรมดากับภาคนี้ เพราะไม่สะใจเต็มที่ในเรื่องแอ็กชัน อีกทั้งดราม่าก็อาจจะดูยืดเยื้อเกินไปสำหรับคอหนังที่หวังเรื่องราวตื่นเต้นเป็นหลัก อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบจริงๆ ครับ
ส่วนผมนั้น ชอบครับ