ค้นหาหนัง

tick, tick... BOOM!

tick, tick... BOOM!
เรื่องย่อ : tick, tick... BOOM!

tick, tick...BOOM! ดัดแปลงจากมิวสิคัลของ โจนาธาน ลาร์สัน ที่ใช้ชื่อว่า tick, tick... BOOM! เหมือนกัน เป็นมิวสิคัลแนว Rock Monologue ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของตัวเขาเองที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตในวัย 30 ท่ามกลางความสับสนที่อะไรก็ดูจะไม่มั่นคง เพื่อนรอบตัวเริ่มประสบความสำเร็จ ล้มระเนระนาด รวมถึงเริ่มตายจาก จนทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังวิ่งหนีเสียงเข็มนาฬิกาที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

IMDB : tt8721424

คะแนน : 7



tick, tick…BOOM! กำกับโดย Lin-Manuel Miranda เป็นหนังชีวประวัติของ Jonathan Larson (รับบทโดย Andrew Garfield) โปรดิวเซอร์และคนเขียนบทละครเวทีชื่อดังคนสำคัญของอเมริกาก่อนที่เขาจะได้รับรางวัล Tony Awards กับ Pulitzer Prize และเป็นที่รู้จักอย่างทุกวันนี้ ที่เสี่ยงโชค มุ่งมั่น และทุ่มเทกับสิ่งที่ชอบแบบไม่เผื่อใจ

เป็นความเป็นจริงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวประเภท ‘ที่มา (origins)’ ของอะไรสักอย่างน่าสนใจเสมอ เพราะเรื่องราวประเภทนี้มักไม่ใช่เรื่องราวที่จงใจยกยอปอปั้น แต่เป็นเรื่องราวที่มีคุณค่ากับมีมิติและแง่มุมของชีวิตมากกว่า ‘ข่าว’ ที่เอาแต่เชิดชูความสำเร็จ (แล้วใช้เบื้องหลังเป็นเพียงตัวสนับสนุน) ตรงความเป็นมนุษย์และการฝ่าฟันของคนคนหนึ่งก่อนที่โลกจะรู้จักเขาในวงกว้าง รวมถึงความกล้าที่จะทำและปฏิเสธ การเรียนรู้ ความเสี่ยงที่ได้รับ กับสิ่งใดบ้างที่คนในเรื่องราวนั้นเสียสละไปเพื่อมาถึงจุดจุดนี้ แสดงให้เห็นถึง ‘กระบวนการ’ มากกว่าผลลัพธ์ เพราะมันคือเรื่องราวของความพยายาม อดทน สม่ำเสมอ จริงใจ และซื่อสัตย์ต่อความเชื่อและสิ่งที่ตัวเองรักว่าเขารักมันแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นบททดสอบที่ไม่เคยง่าย การที่คนเรารักอะไรสักอย่างหนึ่งแค่แพสชั่นและความสนใจไม่เพียงพอ ไม่ใช่ทุกคนที่ดังเปรี้ยงตั้งแต่ครั้งแรก และถ้าหากยอมแพ้ Jonathan Larson คงไม่มีวันที่จะโด่งดังถึงขั้นที่มีคนเอาชีวิตเขามาสร้างเป็นหนังเรื่องนี้ได้

ความจริงหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังดราม่าเกี่ยวกับคนทำละครเวทีโดยมีเพลงเป็นองค์ประกอบในเนื้อเรื่องก็ได้ แต่ด้วยความที่ชีวิตเขามีแต่โน้ต เสียงเพลง เครื่องดนตรี และการขับร้อง ความเป็นมิวสิคัลจึงเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของกระบวนการเล่าเรื่องเพื่อสอดประสานระหว่างเนื้อหาและสิ่งที่ Jonathan ให้ค่าที่สุดเหล่านี้ โดยที่เนื้อหาของเพลงแต่ละเพลงที่เขาแต่งก็สะท้อนถึงการตามล่าหาความฝันและความในใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับตัวเอง ความคิดตัวเอง ความไม่แน่ใจในเส้นทางนี้ แฟน เพื่อนสนิท การพบการจากลา การหยิบเพลงมาใช้เป็นหนึ่งเดียวกับเรื่องราวจึงเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก