ค้นหาหนัง

บ่มีวันจาก The Long Walk

บ่มีวันจาก The Long Walk
เรื่องย่อ : บ่มีวันจาก The Long Walk

ในปี ค.ศ. 2065 ชายชรายากจน ใช้ชีวิตตามลำพังในบ้านหลังเก่า ณ ชนบทอันห่างไกล ที่วิถีชีวิตและความเชื่อยังคงดำเนินต่อไปไม่ต่างจากเดิม แม้เทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้าไปแค่ไหนก็ตาม โดยชายชราคนนี้มีความสามารถพิเศษที่สามารถมองเห็นเหล่าวิญญาณคนตายได้ แล้ววันหนึ่งเขาก็พบว่าวิญญาณผีสาว ที่อยู่กับเขามา 50 ปี สามารถพาเขาย้อนเวลาไปพบกับตัวเขาในสมัยที่ยังเป็นเด็ก นั่นทำให้เขาต้องการที่จะย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขความเจ็บปวดในอดีต แต่เขาไม่รู้เลยว่าการแก้ไขอดีตที่เขาต้องการ จะย้อนกลับมาส่งผลต่อเขาร้ายแรงอย่างไม่คาดคิด

IMDB : tt6800268

คะแนน : 7



The Long Walk บ่มีวันจาก บอกเล่าเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศลาว เกิดเหตุการณ์ลึกลับเมื่อศพของหญิงสาวคนหนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพื่อตามหาร่างมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตำรวจจึงไปขอความช่วยเหลือจากลุงที่ผู้คนในหมู่บ้านต่างเชื่อกันว่า เขาสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ให้ช่วยหาศพดังกล่าว แต่การเข้ามาพัวพันกับคดีครั้งนี้นำพาให้เขาได้พบกับปริศนาดำมืดมากกว่า 50 ปี

"ถ้าคุณสามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้คุณจะทำไหม?" แต่..ถ้าการแก้ไขอดีตทำให้ปัจจุบันมันแย่ลง "คุณยังจะอยากแก้มันอยู่หรือเปล่า?" บ่มีวันจากหนังจากประเทศเพื่อนบ้านที่ล้ำตั้งแต่พล็อต ไอเดีย ไปจนถึงงานวิชวล

แม้โลเคชั่นต่าง ๆ ที่ปรากฏในหนังจะเป็นโลเคชันย่านชนบท แต่ตัวหนังสามารถหยิบเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใส่ได้อย่างลงตัว และเพิ่มความเป็นโลกอนาคตด้วยวัตถุและกลไกการทำงานต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ

บ่มีวันจากเป็นอีกครั้งที่ Mattie Do ต่อยอดไอเดียออกมาได้น่าค้นหา ชวนติดตามและแฝงบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจชวนขนลุกได้อย่าลงตัวเหมือนเมื่อครั้ง "น้องฮัก" ที่หยิบเอาเรื่องของ "หวย" มาต่อยอดไอเดียให้เป็นหนังสยองขวัญ ในขณะที่ บ่มีวันจาก หยิบเอาเรื่องของ ความหมกมุ่นทางความคิด และ ความตาย มาใช้เป็นไอเดียตั้งต้น

แม้ช่วงต้นเรื่องอาจจะชวนให้งงจนขมวดคิ้วไปบ้าง แต่หนังก็ใช้การลำดับภาพเป็นตัวช่วยในการสร้างจุดสังเกตความเชื่อมโยงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ และเมื่อเริ่มเดินทางเข้าสู่เนื้อหาหลักของเรื่องแล้ว ตัวหนังก็ค่อย ๆ คลายปมต่าง ๆ ทีละเล็กละน้อยและเพิ่มรายละเอียดที่น่าสนใจชวนติดตาม ก่อนที่จะขมวดเข้าสู่ปมใหญ่ของเรื่อง

บ่มีวันจาก หยิบเอาเรื่องของช่วงเวลามาเล่าได้สนุกและน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ อีกทั้งยังพูดถึงเรื่องความเชื่อ และวัฏจักรแห่งความตายมาเล่าได้ให้เข้าใจง่ายขึ้น ถึงแม้ความเชื่อในเรื่องจะมีความเป็นเอเชีย แต่พอถูกหยิบมารวมกับความเป็นไซ-ไฟก็ทำให้ประเด็นในเรื่องมีความสากลมากขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นว่าบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นแล้วต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้ นอกจากจะเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน ซ้ำร้ายหากยิ่งพยายามแก้ไขมากเท่าไหร่มันอาจนำพาผลลัพธ์ที่เลวร้ายมาให้ในอนาคตก็เป็นได้

แม้ในหนังจะมีวิญญาณ และบรรยากาศชวนขนลุกอบอวลอยู่เป็นระยะ ๆ แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สามารถยืนยันตรงนี้ได้เลยว่าคนกลัวผีก็สามารถสนุกไปกับปริศนาต่าง ๆ ในเรื่องได้โดยไม่ต้องปิดตาดู